วันที่ไร้งานโชว์ ต้องสวมบทแม่ค้าขายของเลี้ยงชีพ
เรียกได้ว่าสถานการณ์ cv กระทบทุกสาขาอาชีพ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ต่าย อรทัย ปรับตัวรับมือในยุคโควิด สวมบทเป็นแม่ค้าออนไลน์ ไลฟ์สดขายของหารายได้ โดยลูกทุ่งสาวดอกหญ้า เปิดใจว่า แม้งานขายจะไม่ใช่อาชีพที่เธอถนัด แต่ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์นี้
โควิดกระทบไม่มีงานคอนเสิร์ต มาเป็นแม่ค้าออนไลน์? เข้ามาสัมผัสความเป็นแม่ค้าออนไลน์ เมื่อก่อนเราขายโชว์ ขายเสียง ขายภาพความเป็นศิลปินนักร้อง แต่ตอนนี้เวทีตรงนั้นมันหายไปในช่วง cv ก็ยังไม่ได้ทิ้งเรื่องการร้อง
เวลาเราไลฟ์ขายของเราก็ยังต้องอาศัยเพลงเพราะว่าเราเกิดจากตรงนี้ วันนี้มีเพลงใหม่มาแนะนำนะคะทุกคน เราก็มีสินค้าตัวนี้นะล็อตใหม่ล่าสุดมีอะไรบ้าง
ตอนนี้ที่ขายดียังได้สม่ำเสมออยู่เป็นน้ำพริกกากหมูฝอย และขนมปั้นขลิบ เราก็เน้นรสชาติอร่อยมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ตอนนี้เริ่มเชี่ยวชาญมากขึ้นหรือยัง? อาจจะดีขึ้นในมุมของต่ายเอง เราไม่ขอเทียบกับคนอื่นดีกว่า เพราะว่าเราไม่ใช่นักไลฟ์ตัวยงหรือว่านักไลฟ์มืออาชีพ เอาแบบมือสมัครเล่นนี่แหละ
มาไลฟ์ขายของช่วยเรื่องรายได้มากน้อยแค่ไหน? การไลฟ์ขายของ จริงๆ เราก็อยากให้มันโคเวอร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถึงขนาดนั่งคิดกันเลยว่าต้องลงทุนเท่าไหร่ กำไรถึงจะได้มาโคฟเวอร์ค่าใช้จ่าย ของที่เราขายมันเป็นของที่ไม่ใช่ว่าทุนหรือกำไรเยอะ
เราก็ให้แฟนเพลงจับต้องได้ 79 บาทมันก็ต้องบวกค่าส่งเข้าไปอีกมันก็เป็นหลักร้อย พอร้อยปุ๊บ น้องๆ บางคนเขาก็ลำบากเหมือนกัน เขาก็บอกอยากสั่งอร่อยมาก แต่ว่าขอเก็บตังค์แป๊บนึง เราอ่านคอมเมนต์ในไลฟ์ เราก็สงสารทุกคนเหลือเกิน เข้าใจและเห็นใจทุกคนมาก
แต่ในมุมของต่ายเราไม่ขายเราก็อดเหมือนกัน มันเหมือนกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า อย่างน้อยเราได้มาสักหนึ่งส่วนก็ยังดีในการขายของโดยที่เราไม่ต้องดึงเงินเก็บทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์มาเป็นค่าใช้จ่าย
กว่า 20 ปีในวงการ เป็นครั้งแรกที่ไม่มีงานนานขนาดนี้? คงไม่ใช่แค่ต่ายคนเดียว ทุกอาชีพเลยแล้วยิ่งใครที่เป็นเสาหลักคนที่ขยันทำมาหากินมาตลอดก็คงจะต้องเป็นบุคคลที่ต้องวางแผนชีวิตอยู่แล้วว่าการที่เราทำงานมีเงินสักก้อนหนึ่ง
เราจะต้องแบ่งเก็บแบ่งใช้แบ่งเพื่ออะไร คงไม่มีใครคาดคิดว่าอาการระบาดมันจะมานานเป็นปีเกือบจะสองปีแล้ว เราเคยเห็นแค่ในข่าว 100 ปีที่ผ่านมาแต่ใครจะมาคิดว่าเราจะอยู่ในเหตุการณ์นี้ที่เราเคยเห็นในประวัติศาสตร์โลก
แต่พอมันเกิดขึ้นมันบอกไม่ถูกจริงๆ ขนาดเราเก็บไว้แล้ว เราก็ยังกระทบเลย มันเหมือนกับการแบกอะไรสักอย่างหนึ่ง มันต้องมีช่วงเวลาของมันที่ไหวหรือไม่ไหว ถ้ายังไม่ดีขึ้นวันหนึ่งต้องสายป่านขาดกันแน่ค่ะ
พอมาอยู่กับที่นานๆ ก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเหมือนกัน แต่ยิ่งพอนานมาเป็นปีครึ่งแล้วมันยิ่งกดดันมากขึ้นเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นตอนไหน cv มันจะหายไปจริงๆ ตอนไหน เราจะกลับมาจัดงานคอนเสิร์ตกันได้ตอนไหน คือเริ่มคิดกันหนักขึ้นแล้ว
เป็นแบบอย่างให้กับศิลปินรุ่นน้องตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการ แฟนคลับยังเหนียวแน่น? ก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ เราก็ไม่คิดว่าน้องๆ หรือหลายๆ คนที่เป็นแฟนเพลงแฟนคลับเราจะไม่ได้ชื่นชอบแค่เพลงอย่างเดียว ทุกคนให้เพลงเป็นกำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจ
รวมถึงวางพี่ต่ายเป็นต้นแบบเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตอะไรบางอย่าง เพื่อให้น้องๆ เดินทางถึงเป้าหมายที่ดีงามได้ รู้สึกดีใจค่ะ คือไม่อยากเชื่อว่าเราก็เป็นแค่ศิลปินคนหนึ่งที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีอาชีพการร้องเพลง ทุกคนให้มากกว่าการชื่นชอบ
วันนี้ก็คือมาไกลมากแล้วค่ะ ไม่รู้จะขอบคุณคำไหน หวังว่าสิ่งที่ทุกคนมองสิ่งที่ทุกคนได้แล้วมันเกิดประโยชน์กับน้องๆ ก็ยิ่งดีต่อใจมากเลยค่ะ
ขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก ข่าวสด
เรียบเรียงโดย ทีมงาน news.in.th