เมื่อวันที่23 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำกำลังเข้าจับกุมพระลูกวัดในพื้นที่ ต.แก่งหางแมว อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 4689/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน

คดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากการที่ผู้ต้องหาเปิดบัญชีธนาคารให้เครือข่ายมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางรับเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงทางโทรศัพท์ จนมีประชาชนหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีไปหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความ กระทั่งศาลออกหมายจับ

ในการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเคยได้รับค่าจ้างเพียง 3,000 บาทต่อบัญชีจากการเปิดบัญชีธนาคาร ก่อนจะถูกชักชวนจากกลุ่มคนร้ายผ่านทางเฟซบุ๊ก ให้เดินทางไปทำงานที่ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 2–3 หมื่นบาท

แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกพาไปยังสถานที่ปิดลับ ถูกควบคุมตัวร่วมกับคนไทยอีกหลายรายที่ถูกหลอกไปเช่นกัน หน้าที่ของผู้ต้องหาคือการ สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน เพื่อให้บัญชีดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หากมีใครพยายามหลบหนีหรือขัดขืน จะถูกทำร้าย หรือ “หายตัวไป” โดยไม่มีใครล่วงรู้ชะตากรรม

หลังจากที่บัญชีธนาคารถูกอายัด กลุ่มมิจฉาชีพจึงนำตัวผู้ต้องหามาปล่อยทิ้งไว้ที่แนวชายแดน ให้หาทางเดินทางกลับประเทศไทยด้วยตนเอง เมื่อกลับมาได้ ผู้ต้องหาตัดสินใจบวชเป็นพระเพื่อหลบหนีคดี แต่สุดท้ายไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่

เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการ ลาสิกขา และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป