ทนายร้อง DSI ตรวจสอบสนามบินเถื่อน เชื่อโยงนักการเมือง

ทนายร้อง DSI ตรวจสอบสนามบินเถื่อน เชื่อโยงนักการเมือง

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 พนักงานสอบสวนจากกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีสนามบินส่วนบุคคลในพื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังมีการร้องเรียนว่าใช้ ถนนสาธารณะเป็นรันเวย์สนามบินโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ร้องเรียนคือ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ซึ่งได้ยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการใช้พื้นที่ถนนสาธารณะยาวราว 1.5 กิโลเมตรใน ต.ขนงพระ เป็นทางวิ่งของเครื่องบินส่วนตัว

จากการลงพื้นที่ของดีเอสไอ พบว่า ถนนดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 3.5 เมตร และยาวประมาณ 450 เมตร พาดผ่านรันเวย์ที่สร้างขึ้นโดยมีความยาวถึง 1,000 เมตร และกว้างประมาณ 19 เมตร ปลายทางทะลุเข้าสู่สนามกอล์ฟเอกชน

ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขนงพระ ระบุว่า ถนนสาธารณะสายนี้สิ้นสุดที่เขตพื้นที่ของ นิคมสร้างตนเองลำตะคองซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจอนุญาตใช้พื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบันไม่มีเอกสารแสดงว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างรันเวย์ หรือสนามบินในพื้นที่ดังกล่าวย้อนกลับไปถึงปี พ.ศ. 2550

ในขณะที่กองช่างของ อบต.ขนงพระ ยืนยันว่า บริเวณสนามกอล์ฟที่รันเวย์ไปสิ้นสุดนั้น เป็นทางสาธารณะที่ถูกใช้เป็นสนามหญ้าในสนามกอล์ฟ แม้ยังมีบางช่วงที่รถสามารถเข้า-ออกได้ แต่ไม่มีใครกล้าใช้ เนื่องจากสภาพไม่เหมือนทางสาธารณะ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นิคมสร้างตนเองลำตะคองได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ปากช่อง ว่าการสร้างสนามบินดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ตามกฎหมายที่ควบคุมพื้นที่นิคม โดยพื้นที่ที่ถูกร้องเรียนมีขนาดประมาณ 0-2-94 ไร่

ดีเอสไอกำลังรอเอกสารชี้แจงจาก 5 หน่วยงานหลัก

อบต.ขนงพระ – การอนุญาตสร้างสนามบินและการจัดประชาพิจารณ์

กรมที่ดิน ตรวจสอบสถานะโฉนดและที่ดินสาธารณะ

นิคมสร้างตนเองลำตะคอง อำนาจอนุญาตการใช้พื้นที่

สำนักงานการบินพลเรือนฯ การอนุญาตก่อสร้างสนามบิน

สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบพื้นที่คาบเกี่ยว ส.ป.ก.

หากได้รับเอกสารครบถ้วน ดีเอสไอจะลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อสอบปากคำ เจ้าของสนามบินขนงพระ ซึ่งปรากฏชื่อ "นักการเมืองคนหนึ่ง" เป็นผู้ยื่นเรื่องขออนุญาตย้อนหลังหลังจากสนามบินสร้างเสร็จแล้ว และ เจ้าของสนามกอล์ฟเอกชน ที่มีรายชื่อเป็นหญิงไทยซึ่งเป็นน้องสาวของนักการเมืองคนดังกล่าว

ดีเอสไอระบุว่าผู้เสียหายโดยตรงในกรณีนี้คือ นิคมสร้างตนเองลำตะคองเนื่องจากถนนสาธารณะที่ถูกรุกล้ำอยู่ในพื้นที่ของนิคมฯ ซึ่งมีหน้าที่จัดสรรที่ดินทำกินให้ชาวบ้านอพยพหลังการสร้างเขื่อนลำตะคองในอดีต

ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังปี พ.ศ. 2517 และ 2542 ยืนยันว่าเส้นทางนี้เป็นถนนสาธารณะเดิมที่ใช้สัญจรมานาน แต่กลับมีการสร้างรันเวย์ทับลงไป และนำไปสู่พื้นที่ส่วนตัวโดยไม่มีเอกสารอนุญาตใด ๆ อย่างชัดเจน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ