ไทยงัดหมัดเด็ดถกสหรัฐฯ ขอเปิดเสรีภาษีหวังหนุนอุตสาหกรรม

ไทยงัดหมัดเด็ดถกสหรัฐฯ ขอเปิดเสรีภาษีหวังหนุนอุตสาหกรรม

เมื่อค่ำคืนวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเจรจา ทีมไทยแลนด์ ได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เพื่อยื่นข้อเสนอ ขอยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ หลายหมื่นรายการ หวังเปิดตลาดส่งออกใหม่ให้กับไทย ท่ามกลางความกังวลจากภาคเอกชนที่ไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลยอมเปิดเสรีนำเข้าสินค้าแบบเต็มรูปแบบ เอกชนเสียงแตก ย้ำ ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าเปิดเสรีแบบเวียดนาม-อินโดฯ ภายหลังการประชุม นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการหารือกับ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่พอใจหากรัฐบาลจะเปิดทางให้ยกเว้นภาษีเฉพาะบางรายการ เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากไทยเดินตามรอยเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่เลือกเปิดเสรีการนำเข้าเกือบทั้งหมด แลกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพราะมองว่า ได้ไม่คุ้มเสีย

ย้ำว่า หากไทยเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเป็น 0% ทั้งหมด อาจกระทบหนักต่อผู้ประกอบการในประเทศ เพราะหลายอุตสาหกรรมยังไม่มีความพร้อมรับมือกับการแข่งขันจากสินค้านำเข้า นักเศรษฐศาสตร์เตือน อย่าเสนอกลาง ๆ ต้องเลือกปกป้องให้ตรงจุดด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพ ให้ความเห็นว่า ขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่ถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงที่สุดในกลุ่มอาเซียน หากไม่เร่งเดินหน้าเจรจา อาจเสียโอกาสทางการค้าในภูมิภาค เสนอให้ทีมไทยแลนด์ ไม่ควรยื่นข้อเสนอแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ควรเลือกเจาะจงปกป้อง อุตสาหกรรมที่เปราะบางสูงเพียง 2-3 กลุ่ม เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพราะใช้งบเยียวยาน้อย แต่ช่วยรักษาระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ หากปล่อยให้ไทยถูกเก็บภาษีสูงถึง 36% จะส่งผลเสียต่อภาคการส่งออกทั้งระบบ และการลดดอกเบี้ยจะช่วยอะไรไม่ได้เลย

ธปท.จับตาใกล้ชิด เตรียมแผนเยียวยา ขณะที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ธปท.กำลัง ติดตามผลการเจรจาภาษีสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการไหลทะลักของสินค้านำเข้า เขาย้ำว่า ขณะนี้ต้องเตรียมมาตรการ สนับสนุนการปรับตัวและเยียวยาภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ให้ชัดเจนและพร้อมใช้ทันทีหากสถานการณ์เลวร้ายลง พร้อมระบุว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายไม่ใช่คำตอบหลัก ในการแก้ปัญหาครั้งนี้ เพราะอุปสรรคจริงอยู่ที่โครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังไม่ยืดหยุ่นพอในการแข่งขัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ