
เปิดค่าตัว นิเชา ตำนานคนป่าสู่ดาราดังระดับตำนานที่ทั้งโลกจดจำ ก่อนจะจากไปตลอดกาล
เรียกได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก จากคนธรรมดาสู่ดาราระดับท็อปได้ อย่าง นิเชา (N!xau) ผู้โด่งดังมาจาก เรื่องราวของขวดโค้กที่ตกลงมาจากฟ้า และสร้างความปั่นป่วนในหมู่ชนเผ่าท่ามกลางทวีปแอฟริกา เป็นทั้งสัญลักษณ์ของอารมณ์ขัน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และความไร้เดียงสาอันน่าหลงใหล แต่เบื้องหลังเสียงหัวเราะเหล่านั้น มีชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ชายที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ค่าตัว คืออะไร ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป
นิเชา เกิดราวปีพ.ศ. 2487 ในพื้นที่ของชนเผ่าซาน (San) หรือ บุชเม็น บริเวณชายแดนระหว่างประเทศนามิเบียกับบอตสวานา เขาเติบโตมาในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีโทรทัศน์ และไม่มีแนวคิดเรื่อง เงิน อย่างที่โลกรู้จัก
เขารู้จักการล่าสัตว์ ปลูกพืช และอยู่ร่วมกับธรรมชาติตามวิถีบรรพบุรุษ และตลอดชีวิตของเขาก่อนเข้าสู่วงการแสดง เขาเคยพบ “คนผิวขาว” เพียง 3 คนเท่านั้น นิเชา พูดได้หลายภาษาท้องถิ่น เช่น Juǀʼhoan, เฮเรโร, Tswana และภาษาแอฟริคานส์นิดหน่อย แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจเลยคือ “มูลค่า” ของสิ่งที่ไม่มีในโลกของเขา โดยเฉพาะ “ค่าตัวนักแสดง”
The Gods Must Be Crazy ใช้งบสร้างราว 5 ล้านดอลลาร์ แต่กลับทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ และกลายเป็นหนึ่งในหนังตลกคลาสสิกที่โลกรัก
แต่รู้หรือไม่ว่า นิเชา ได้ค่าตัวจากบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้แค่เพียง 300 ดอลลาร์เท่านั้น (ราว 6,000 บาท ในยุคนั้น) ไม่ใช่เพราะเขาไม่เก่ง ไม่ใช่เพราะถูกเอาเปรียบโดยตรง แต่เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองควรจะ ต่อรอง หรือเรียกร้อง อะไรได้ในโลกตะวันตก
และ 9 ปีต่อมา เมื่อเขากลับมาเล่นภาคสอง คือ The Gods Must Be Crazy II เขาเรียกค่าตัวเพิ่มเป็น 80,000 ดอลลาร์ แม้จะยังน้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานฮอลลีวูด แต่มันมากพอให้เขาสร้างบ้าน ติดตั้งน้ำไฟ และซื้อรถพร้อมจ้างคนขับ เพราะเขาไม่ต้องการเรียนรู้ในการขับเอง
แม้จะโด่งดังไปทั่วโลก แต่ นิเชา กลับไม่หลงใหลในแสงสี เขารับแสดงภาพยนตร์ตลกอีกไม่กี่เรื่อง เช่น
-Crazy Safari (ร่วมทุนกับฮ่องกง)
-Crazy Hong Kong
-The Gods Must Be Funny in China
รวมถึงโฆษณาในประเทศไทย ที่หลายคนจดจำเขาได้จากวลี ห้าห่วง ทนหายห่วง แต่สุดท้าย เขาก็เลือกกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ปลูกข้าวโพด ฟักทอง ถั่ว เลี้ยงวัว และอยู่กับครอบครัวในหมู่บ้านเงียบๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่เขารู้จักดีที่สุด
สุดท้าย นิเชา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ขณะอายุประมาณ 59 ปี สาเหตุคือวัณโรคดื้อยา ซึ่งคาดว่าเขาติดมาระหว่างออกล่าสัตว์ พิธีศพของเขาจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในหมู่บ้าน Tsumkwe ใกล้หลุมศพของภรรยาคนที่สอง ไม่มีแสงแฟลช ไม่มีพรมแดง มีเพียงเสียงของธรรมชาติ และเพื่อนบ้านที่ร่วมไว้อาลัยให้ชายที่เคยทำให้ทั้งโลกหัวเราะ ด้วยหัวใจ