เท้ง ติงรัฐบาลเจรจาสหรัฐช้า แนะเปิดเสรีธนาคาร-โทรคมนาคม วิน-วินทั้งสองฝ่าย

เท้ง ติงรัฐบาลเจรจาสหรัฐช้า แนะเปิดเสรีธนาคาร-โทรคมนาคม วิน-วินทั้งสองฝ่าย

วันนี้ (9 ก.ค. 2568) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงเรียกจัดเก็บภาษีไทย อยู่ที่ 36% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยระบุว่าพรรคประชาชนพยายามที่จะสื่อสารมาตลอดว่ารัฐบาลไทยดำเนินการเจรจาช้าไป

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประเทศเวียดนามสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อน เปิดการเข้าถึงอย่างเต็มรูปแบบและสามารถลดภาษี 0% ให้กับสหรัฐอเมริกาได้ ทำให้ประเทศเวียดนามได้ดีลที่ดีกว่า ซึ่งอยู่ที่อัตราภาษี 20 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ไทยเจรจาภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเสนออะไรไปสหรัฐฯ ก็อาจอ้างได้ว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยให้ข้อเสนอที่ดีกว่า

ทั้งนี้นายณัฐพงษ์ ก็ได้กล่าวต่ออีกว่า สิ่งหนึ่งที่อยากเห็นเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยควรเสนอไปด้วย ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ทั้งสหรัฐฯ และไทยวิน-วินทั้งคู่และได้ประโยชน์ทั้งคู่ก็คือการเปิดเสรีภาคบริการ เช่น ธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม

ซึ่งทั้ง 2 ภาคธุรกิจนี้ในประเทศไทยยังมีการผูกขาดและกระจุกตัวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในรายงานของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative หรือ USTR) ที่ระบุค่อนข้างชัดเจนว่า สหรัฐฯ ยังมีการดำเนินธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ค่อนข้างยากในประเทศไทยอยู่ ดังนั้น หากมีการเปิดเสรีในภาคธนาคารหรือภาคโทรคมนาคม สหรัฐฯ ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องของตลาดที่มีการแข่งขันมากขึ้น

เมื่อถามว่าช่วงเวลาที่ค่อนข้างบีบเค้นจะเจรจาอย่างไรให้เสียเปรียบน้อยที่สุด นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จดหมายที่ทรัมป์ส่งกลับมาให้ไทยระบุไว้ว่า อัตราภาษีจะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. และช่วงนี้เป็นช่วงที่ไทยยังมีหน้าต่างหรือช่องทางในการเจรจา เพื่อลดอัตราภาษีจาก 36 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้น ข้อเสนอที่ไทยจะเสนอให้กับสหรัฐฯ ต้องเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจริงๆ และเป็นข้อเสนอที่สหรัฐฯ แสดงออกว่ามีความสนใจในประเทศไทย หากดีพอก็เชื่อว่าผลการเจรจาคงไม่ได้แตกต่างออกไป

เมื่อถามว่ามองว่าตัวเลขใดที่จะสามารถปิดดีลกับสหรัฐฯ ได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะไม่สามารถให้ตัวเลขเฉพาะเจาะจงได้ เพราะต้องลงไปดูในรายละเอียดสินค้าในสินค้าหนึ่งว่าไทยมีความได้เปรียบหรือเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง

การค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หรือประเทศนั้นๆ กับสหรัฐอเมริกา ถ้าจะให้ตอบในหลักการก็คืออัตราภาษีที่มีการเหลื่อมล้ำกัน ย่อมส่งผลในเรื่องของความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น เมื่อดูในรายละเอียดก่อนที่รัฐบาลจะยื่นข้อเสนออะไรไปยังสหรัฐฯ การกลับมาพูดคุยกับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ ก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ