เรียกได้ว่า หลายคนต่างจับตามองกันอย่างไม่กระพริบตา เมื่อ กัมพูชาระงับการนำเข้าน้ำมัน และก๊าซทุกชนิดของไทยอย่างสิ้นเชิง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีศักยภาพเพียงพอในการจัดหาเชื้อเพลิง จากแหล่งอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่ของน้ำมัน ที่ใช้ในประเทศนี้ ยังคงพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเกือบ 100% โดยเฉพาะจากประเทศไทย ที่เป็นแหล่งนำเข้าอันดับหนึ่ง ล่าสุด มีข้อมูล จาก สำนักงานนโยบาย และ แผนพลังงาน เผยราคาเฉลี่ยน้ำมันในอาเซียน พร้อมกับข้อมูลว่า กัมพูชานำเข้าน้ำมันกลั่นมูลค่า 3,280 ล้านดอลลาร์ โดย ประเทศไทย มีสัดส่วนการนำเข้ามากถึง 51.8% หรือประมาณ 1,700 ล้านดอลลาร์

แต่ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก Samdech Thipadei Hun Manet, Prime Minister of Cambodia ว่า กัมพูชาจะระงับการนำเข้าน้ำมัน และก๊าซจากไทยโดยสิ้นเชิง และหันไปพึ่งพาประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ และมาเลเซีย คำถามที่หลายคนถาม และสงสัย คือ การตัดสินใจนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อราคาน้ำมันในกัมพูชา

ถึงแม้ ปี 2563 กัมพูชา จะเคยมีแผนที่จะผลิตน้ำมันใช้เอง จากแหล่ง Block A ในอ่าวไทย แต่โครงการนี้กลับไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากปัญหาทางการเงินของบริษัท KrisEnergy และความขัดแย้ง เรื่องการแบ่งรายได้กับรัฐบาล ทำให้การผลิตน้ำมันในประเทศหยุดชะงัก

ภาพ จาก สำนักงานนโยบาย และ แผนพลังงาน

ขณะเดียวกัน กัมพูชา ยังคงพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างชาติเป็นหลัก โดยมีประเทศหลักๆ เช่น ไทย เวียดนาม และสิงคโปร์เป็นแหล่งน้ำมันสำคัญ แม้ราคาน้ำมันในประเทศจะมีการอุดหนุนจากรัฐบาลไทย แต่นโยบายการระงับการนำเข้าครั้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และ ค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น

ภาพ จาก สำนักงานนโยบาย และ แผนพลังงาน

ซึ่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจทำให้ ประชาชนกัมพูชา ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่คำถามสำคัญยังคงอยู่ กัมพูชาจะสามารถหาทางจัดการกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้อย่างไร และการหันไปพึ่งพาแหล่งน้ำมันอื่นๆ จะเป็นทางออกที่ยั่งยืนหรือไม่

เรียบเรียงโดย news.in.th