หมิว ลลิตา หายหน้าจากวงการเกือบ 10 ปี เจอวิกฤตป่วยหนัก ถึงขั้นนอนติดเตียง

หมิว ลลิตา หายหน้าจากวงการเกือบ 10 ปี เจอวิกฤตป่วยหนัก ถึงขั้นนอนติดเตียง

เรียกได้ว่า เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ อย่าง หมิว ลลิตา วัย 53 ปี ที่หายหน้าไปจากวงการบันเทิงนานนานกว่า 10 ปี ล่าสุดเจ้าตัว ได้มาออกรายการ ทางรายการคุยแซ่บ Show พร้อมเผยเรื่องราวชีวิตมีอาการป่วยหนักที่ต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้ง เกือบทำให้เจ้าตัวเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต หนักสุดถึงขั้นนอนติดเตียง ครึ่งล่างชา โดยได้เผยว่า

หายไปจากวงการบันเทิงนานมาก ล่าสุดรับงานปีไหน?

หมิว : ละครเรื่องล่า ตอนนั้นอายุ 45 แล้วก็ไปเป็นพิธีกร 8 ปี อยู่กับพี่ท็อป แล้วหายไปจริงๆ เลย 2 ปี

จริงไหมเขาลือกันว่าจะออกจากวงการบันเทิง?

หมิว : มันมีเหตุ ตอนนั้นหลังจากเรื่องสุดท้าย เราก็มาทำที่นี่ประมาณปี 60 เสร็จปี 62 ปรากฏมีโควิดเลยเกิดเป็นร้านกาแฟก่อน แล้วมาเปิดเป็นทางการเป็นที่พักประมาณปี 65

หมิวเองไม่ได้คิดออกจากวงการเพื่อมาทำโรงแรมอย่างเดียว?

หมิว : ไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่โฟกัสอยู่ที่ของใหม่ อยู่ที่สิ่งที่เราตั้งใจจะทำ

อาการป่วยของหมิว หลายคนไม่เคยรู้ว่าหมิวต้องสู้กับอะไรมาบ้าง แล้วไม่ใช่แค่ระรอกเดียวนะ เป็นเรื่องของแกนกลางลำตัว หมอนรองกระดูก?

หมิว : ใช่ค่ะ เริ่มแรกมันปวดขาข้างนึง เราจะนั่งได้แค่ 2 ชม.เป๊ะ หมิวต้องเอาขามาไว้ข้างบน หรือไม่ก็นอนราบ ไม่สามารถวางขาไว้อย่างนี้ได้ อยู่ด้วยยาแก้ปวดมาเป็นปี แล้วก็ไปหาหมอ ตอนแรกเจอแล้วแหละว่าเป็นหมอนรองกระดูก แล้วฉีดสเตรอยด์ตอนแรกก็ยังอยู่ แต่พอฉีดไปสัก 3 เดือน ทีนี้เอาไม่อยู่แล้ว ก็ MRI อีกทีนึง ปรากฏว่าหมอนรองกระดูกแตก L5 ทับเส้นประสาท ทีนี้มันมีทางเลือก คุณหมอบอกผ่าเล็ก ผ่าสมัยใหม่ผ่านกล้องนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย

ไปทำอะไรมา ทำไมหมอนรองกระดูกถึงขั้นแตก?

หมิว : คุณหมอบอกว่า มันไม่สามารถบอกเป็นข้อ 1.-2.-3. ได้ แต่คุณหมอบอกอาจจะมีการกระแทก หกล้ม พี่เป็นคนบาลานซ์ไม่ค่อยดี ชอบหกล้ม ที่บ้านตรงนู้นเป็นบันไดไม้ พอลงมาขั้นสุดท้าย แล้วลงไปสนามมันอีกขั้นนึง แล้ววันนั้นหมิวก็ตกบันไดมันก็อาจจะไปกระแทกอีกทีมันเลยทำให้แตกแล้วไปทับเส้นประสาท แล้วในช่วงก่อสร้าง เวลาเขามีหิน ปูน ทราย ชอบมากไปช่วยเขา ดึงไม้ ทำนี่ เฟอร์นิเจอร์ขึ้นตกแต่ง คือใช้ร่างแบบไม่ได้คิดว่ามันจะกระทบกระเทือนโดยอายุ

ต้องผ่าเลยไหม?

หมิว : ก็ผ่าเลย พี่บอกว่าถ้าให้พี่อยู่อย่างนี้พี่อยู่ไม่ได้

มันถึงขั้นล้มหมอน นอนเสื่อเลยไหม?

หมิว : ตอนนั้นนั่งอยู่ในรถ พอ 2 ชม.หนูต้องยกขาขึ้นมา สูง ซึ่งเราจะใช้ชีวิตอย่างนั้นก็ไม่ได้ แล้วตอนนั้นมีคนติดต่อให้เล่นละคร

หลังผ่าเป็นยังไง? หมิว : ไม่ๆ ในช่วงนั้น ในช่วงก่อนผ่า ก็มีคนมาติดต่อนี่แหละ ให้นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก 2 ชม. แล้วพี่เจ็บขา พี่ต้องลุกขึ้นเดิน

ตอนตัดสินใจผ่ามันกลัวไหม? หมิว : ไม่กลัวนะ แต่ครั้งที่ 2 เป็นอีกข้างนึงพอหลังจากผ่าครั่งแรก

ครั้งแรกหายไหม? หมิว : หาย ไม่เป็นอะไรเลย พอครั้งที่ 2 ปวดอีกข้างนึง

ครั้งแรกที่ผ่าใช้วิธีอะไร? หมิว : ใช่กล้องเล็ก 3 วันออกจากโรงพยาบาล พักที่บ้าน 7 วันก็ทำงานได้แล้ว

แล้วไปทำงานยกของอีก? หมิว : ก็ไปทำงานกับเพื่อน ครั้งที่ 2 มันไม่ได้เกี่ยวกับเราใช้ชีวิต มันเกี่ยวกับอะไรก็ไม่รู้

หมิวต้องเข้าผ่าตัดครั้งที่ 2 เกี่ยวกับหมอนรองกระกูกเหมือนกัน?

หมิว : ไม่ใช่ มันเป็นซีสต์กดที่ก้นกบเส้นประสาท มีซีสต์อยู่ 4-5 เม็ด ตอนแรกหาสาเหตุไม่เจอ ทำ MRI มันไม่เห็นอะไรเลย มันไม่มีอะไรที่น่าเป็นไปได้ คุณหมอก็เลยทำอีกที สแกนมาถึงก้นกบข้างล่างเลย ปรากฏเจอซีสต์เกาะอยู่

การผ่าครั้งนี้มันมีตั้งหลายจุดแล้วผ่าใหญ่ ถ้าพลาดหรือเกิดอะไรขึ้น โอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรามีกังวลไหมว่า อัมพฤกษ์-อัมพาต จะมาถึงเรา?

หมิว : ตอนเจ็บไม่เคยคิด แต่ตอนพักฟื้นคิด คือเราเชื่อใจคุณหมอท่านนี้มาก ครั้งนี้พี่ก็เชื่อใจคุณหมออยู่แล้วว่าคุณหมอสามารถทำได้ แต่ตอนพักฟื้น มันพักแบบไม่ได้คิดว่าเราจะขยับไม่ได้ เพราะมันกลางหลัง เราก็นอนหงายไม่ได้แล้วนะ แล้วขึ้น-ลง บันได ไม่ได้ ครึ่งล่างมันจะชา มันเหมือนไม่ค่อยมีความรู้สึก คือเข้าห้องน้ำไม่ได้ ใช้ชีวิตลำบาก ตอนนั้นถึงรู้สึกว่ามันจะกลับมาเป็นปกติไหม

นอนติดเตียงใช่ไหม? หมิว : ใช่ ดูหนังเป็น 100 เรื่องเลย

ขับถ่ายก็ไม่สะดวก เพราะร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว? หมิว : ใช่ ต้องไปสวนที่โรงพยาบาล อยู่แบบนี้เป็นเดือน ใจเสียมาก

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ