
หนุ่ม อรรถพร เจอวิกฤตหนักขาดทุนสิบล้าน ไม่แคร์ไลฟ์สดขายสังฆทาน
เรียกได้ว่า เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ อย่าง หนุ่ม อรรถพร ควงภรรยา ได้มาออกรายการ คุยแซ่บ Show ออกมาเผยเจอวิกฤตวงการทำซีรีส์เป็นหนี้นับสิบล้าน ไม่แคร์ไลฟ์สดขายสังฆทาน ช่วงชีวิตแบบนี้ เยียวยากันดีกว่า อย่าบูลลี่กันเลย เล็งย้ายครอบครัว ไปอยู่ต่างประเทศ ว่า
ตอนนี้ละครก็ไม่ค่อยผลิตออกมาสักเท่าไหร่ อีกสิ่งที่พี่หนุ่มเจอคือเป็นหนี้ในการทำงานผลิตซีรีส์ 10 ล้านเลยเหรอ?
ฝ้าย : ไม่อยากจะพูด (หัวเราะ) เป็น 10 นะ
โดนโกงหรืออะไร?
ฝ้าย : ไม่เรียกว่าโดนโกงดีกว่า เรียกว่ามันช้า ระบบในการจ่ายเงินช้า มันทำให้เราต้องควักตัวเองออกไปเพื่อทำงานให้สำเร็จเพื่อให้ได้เงินไวๆ พอได้เงินช้าเรารู้สึกว่าเราต้องหมดไปอีกเท่าไหร่
เงินไม่มาอยู่ในระบบบริษัท เอาเงินส่วนตัวมาถม แล้วเงินนี้ก็ยังไม่ได้กลับมา?
หนุ่ม : ใช่ อันเดียวกันเลย (หัวเราะ) มีอินเนอร์มากกว่าเรา (หัวเราะ)
หลายคนแบกหนี้ก้อนนี้เอาไว้ เงินส่วนตัวกับเงินทำธุรกิจคนละก้อนกัน?
หนุ่ม : ก็เลยกลับมาคิดใหม่ ว่าเราทำสิ่งนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เราแบกไม่ไหว เราต้องกลับมาดูแลครอบครัวก่อน
ก็เลยตัดสินใจเปิดร้าน บริษัทก็ค่อยๆ ทยอยลดพนักงานลง?
หนุ่ม : ใช่ บริษัทยังไม่ปิด ยังอยู่ ยังทำเอ็มวี ทำซีรีส์ แต่ทำตัวให้เบาที่สุด ทั้งออฟฟิศเหลือผมตัวคนเดียวแล้ว
พอแอดวานซ์เงินส่วนตัว คิดจะปิดบริษัทไปเลยมั้ย?
ฝ้าย : ใจจริงๆ คิด เพราะรู้สึกหนักมากจนเราไม่ไหว เราทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มาระยะเวลา 3-4 ปี ตั้งแต่เกิดโควิด เกิดเหตุการณ์นี้มาเรื่อยๆ ค่าผลิตน้อยลง แต่เราต้องทำงานที่ดีขึ้น ค่าทุกอย่างมันแพงหมด จนเราคิดว่าพี่หนุ่ม เราต้องหยุดแล้ว
หนุ่ม : เราเข้าใจเรื่องค่าครองชีพนะ เราก็พยายามจะซัพพอร์ต แต่ว่ามันไม่ไหว เพราะค่าผลิตก็อย่างที่พอจะทราบนั่นแหละ.
ล่าสุดไลฟ์สดขายสังฆทาน ผ้าไตร บางคนบอกว่าต้องถึงขนาดมาไลฟ์ขายสังฆทานเลยเหรอ มองยังไง?
หนุ่ม : พี่มองว่ามันก็คือการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง เมื่อวันหนึ่งที่รายรับจากธุรกิจลดลง เราก็ต้องหารายรับจากส่วนอื่นมาโปะแทน
สิ่งที่รู้สึกอย่างหนึ่ง ผมเห็นข่าวแบบนี้จากนักแสดงหลายท่าน เขาก็ไปทำงานด้วยอาชีพ ด้วยแพชชั่นอะไรก็ตาม อย่าไปมีทัศนคติหรือมายด์เซ็ตแบบนี้ต่อกันเลย ผมว่ามันไม่สร้างมุมบวกต่อจิตใจซึ่งกันและกัน เราเยียวยากันดีกว่า ในเวลาที่คนเรามีโมเมนต์กราฟชีวิตแบบนี้ได้ เยียวยากันดีกว่า อย่าบูลลี่กันเลย แต่มุมผม ผมรู้สึกว่าผมกำลังทำธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นธุรกิจอีกชิ้นหนึ่งที่ครอบครัวทำอยู่แล้ว
ล่าสุดมีแพลนจะไม่อยู่ไทยแล้ว จะย้ายประเทศ?
หนุ่ม : มีจริงครับ คิดไว้สักประมาณ 2-3 ปีหลังจากนี้ ตอนนี้ลูกเริ่มโตขึ้นแล้ว กับการที่เราฝึกเขามาให้เขามีวิชาความรู้แบบนี้ ผมว่าวันหนึ่งเขาคงอยากไปผจญภัยในโลกกว้าง บ้านเกิดเขาอยู่ที่นี่อยู่แล้วแน่นอน เพียงแต่ว่าถ้าเราไป เราคงไปกันทั้งครอบครัว เพื่อที่จะดูแลกัน มันแปลว่าเราคงไปกันหมด
ตอนนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อม ถ้าวันหนึ่งไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ตั้งใจไว้ ผมอาจพูดถึงเรื่องสงครามหรือภัยพิบัติต่างๆ ถ้ามันยังเป็นปกติ เราคิดว่าเราอาจจะทำแบบนั้น เพื่ออนาคตเขาทั้งสองคน ถึงเวลาเราก็กลับมาอยู่เมืองไทยปกติ เพราะเราเป็นคนไทยอยู่แล้ว เมืองไทยมันดีที่สุดอยู่แล้วครับ
จะไปประเทศไหน?
หนุ่ม : ถ้ามีโอกาสได้ไป ก็ดูไว้ที่อังกฤษ เมืองทางใต้อุ่นๆ หน่อย ตอนนี้สิ่งที่เขาเรียนอยู่ก็ถูกวางไว้ว่าเรียนจบสิ่งนี้เพื่อไปตรงนั้นด้วย