เตือน! อาการหากร่างกายเจอ ฝุ่น PM 2.5 พร้อมแนะวิธีป้องกันตัวเอง

เตือน! อาการหากร่างกายเจอ ฝุ่น PM 2.5 พร้อมแนะวิธีป้องกันตัวเอง

ตอนนี้ปรพเทสไทยประสบปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่ได้จำกัดวงเพียงกรุงเทพมหานคร สถานการณ์ฝุ่นในหลายจังหวัดก็รุนแรงไม่แพ้กัน เห็นได้จากภาครัฐออกนโนบายคุมเข้มสกัดต้นตอฝุ่น การใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่น แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราสามารถเตรียมตัวและดูแลตัวเองให้ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย แล้วจะทำอย่างไรได้บ้าง แต่ก่อนอื่นมาทบทวนเรื่องราวของ "ฝุ่นจิ๋ว" กันก่อน

โดย หมอแล็บแพนด้า" หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน รอง ผอ.โรงพยาบาลศุขเวช ได้โชว์ภาพกระดาษทิชชูเปื้อนเลือด พร้อมข้อความที่ระบุว่า ...อยากให้ภาครัฐกับการจัดการกับ PM 2.5 จริงจัง เข้าหน้านี้ทีไรร่างกายแย่มาก ไอเรื้อรังต้องเปิดเครื่องฟอกอากาศ ใส่แมสก์ตลอด สั่งน้ำมูกมามีแต่เลือด ซึ่งในรอบสัปดาห์เป็นแล้ว 2 ครั้ง แสบจมูกแล้วมีเลือดออก ทั้งที่อยู่แต่ในบ้าน แต่เปิดหน้าต่าง

ประเด็นนี้ "หมอแล็บ" ได้อธิบายว่า "พอสูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป จะทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุในช่องจมูกทำให้เลือดฝอยบริเวณจมูกมีการอักเสบแตกง่ายจนกลายเป็นเลือดกำเดาไหลได้ อาการเลือดออกจมูกมักจะเจอในกลุ่มเสี่ยง อย่างผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนท้อง หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ ขณะที่ชาวโซเซียลต่างก็มาร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับฝุ่นจำนวนมาก คอมเมนต์ส่วนใหญ่กังวลวิกฤตฝุ่นกับผลกระทบต่อสุขภาพ

พาไปทำความเข้าใจผลกระทบของ ฝุ่น PM 2.5 กับสุขภาพ รวมถึงการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากปัญหามลพิษที่จะส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีคำอธิบายจากกรมควบคุมมลพิษ ว่า ผลกระทบจะเพิ่มระดับความรุนแรงต่อร่างกายจากการสะสมของฝุ่น ภายในปอดเป็นระยะเวลายาวนาน โดยระดับของอาการจะรุนแรงแตกต่างกัน ดังนี้

1.ไอ จาม และภูมิแพ้ - พบได้เมื่อมีฝุ่นละอองเข้าไปสะสมในโพรงจมูกเวลาที่หายใจเข้าและออก ซึ่งจะทำให้เกิดการระคายเคืองในจมูกและลำคอ มีเสมหะ ไอ จาม โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จะมีอาการภูมิแพ้กำเริบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง - พบได้ในกรณีที่เป็นอาการไอต่อเนื่องนาน 3-8 สัปดาห์ขึ้นไป มีเสมหะเป็นสีขาว สีเหลือง หรือมีเลือดปน นอกจากนี้จะรู้สึกเกิดอาการเหนื่อย โดยอาจเพิ่มมากขึ้น กระทบต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

3.โรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง - พบได้ในกรณีที่ฝุ่นละอองเกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดและผนังหัวใจ อาการที่พบคือ มีอาการเจ็บหน้าอก เหงื่อออก ใจสั่น เหนื่อยหรือแน่นขณะออกแรง ซึ่งอาจทำให้เป็นลม หมดสติ หรือเสียชีวิตได้

4.โรคปอดเรื้อรัง และมะเร็งปอด - พบได้ในกรณีที่สูดเอาฝุ่นละออง PM 2.5 สะสมเข้าไปเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมากหมดเรี่ยวแรง หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ซึ่งอาจรุนแรงและกลายเป็นเซลล์มะเร็งที่อาจลุกลามไปทั่วปอด เกิดเป็นโรคมะเร็งปอดได้

แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะออกไปสถานที่อื่นได้ จึงมีข้อแนะนำ รับมือและป้องกันฝุ่น PM 2.5 ให้ร่างกายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

เช็กสภาพอากาศและคุณภาพอากาศ - ตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ทุกครั้งก่อนเดินทางออกจากบ้าน ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ เช่น AirVisual หรือ Air4Thai เพื่อวางแผนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือติดตามข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข

สวมหน้ากากที่เหมาะสม - ใช้หน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นเข้าร่างกาย

หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง - หากค่าฝุ่นอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ดูแลสุขภาพภายในบ้าน - ปิดหน้าต่างและประตูเพื่อป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสำหรับการกรองฝุ่น PM 2.5

ดูแลร่างกาย - ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออก

ลดการสร้างมลพิษ - ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 เช่น จุดธูป เผากระดาษ ที่ทําให้เกิดควัน การเผาใบไม้ เผาขยะ เผาพืชผลทางการเกษตรรวมถึงการติดเครื่องยนต์ในบ้านเป็นเวลานาน

ดูแลจิตใจ - เริ่มต้นวันด้วยการคิดบวกและจัดลำดับความสำคัญของงานในวันนี้ หากคุณรู้สึกอึดอัดจากฝุ่น ให้พักสมองและทำสิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง หรือทำสมาธิ ในบ้าน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ