จ้าวลู่ซือ เคลื่อนไหวล่าสุด หลังป่วยรุมเร้า จนเดินไม่ได้ไม่พูดจากับใคร แฟนๆห่วงหนัก

จ้าวลู่ซือ เคลื่อนไหวล่าสุด หลังป่วยรุมเร้า จนเดินไม่ได้ไม่พูดจากับใคร แฟนๆห่วงหนัก

จากกรณีที่ก่อนหน้านั้น ได้มีข่าวนางเอกดัง อย่าง จ้าวลู่ซือ ป่วยหนัก ถึงขั้นเข้า โรงพยาบาล หลังต้องต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าและภาวะพูดไม่ได้อย่างรุนแรง จนต้นสังกัดต้องสั่งพักงานในวงการบันเทิงทั้งหมดจนกว่าร่างกายของเธอจะฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการคาดเดาว่าบัญชีโซเชียลมีเดียของเธอถูกคนอื่นจัดการ ดังนั้นเพื่อนๆ ของ จ้าวลู่ซือ จึงเข้ามาอัปเดตข้อมูลของเธอ เพื่อให้แฟนๆได้รับทราบ จนทำให้เธอเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในจีนแผ่นดินใหญ่

ทั้งเรื่องที่เพื่อนของเธอเผยบทสนทนาที่นางเอกสาวร้องขอความช่วยเหลือ ให้รีบไปหาเธออย่างด่วน รวมถึงออกมาแฉว่าต้นสังกัดทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอมานาน และบังคับให้เธอทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่ปี 2019นั่นเอง

ล่าสุด ทางด้าน จ้าวลู่ซือ ได้ออกมาโพสต์ผ่าน Weibo ว่า ฉันขอตอบครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ต้องขออภัยที่ทำให้ ต้องใช้พื้นที่สาธารณะในการพูดถึงเรื่องส่วนตัว ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยปล่อยให้ความเจ็บป่วยส่ง ผลกระทบต่อการทำงานหรือคนรอบข้างมาก่อน ฉันยอมรับในส่วนที่ผิด เพราะฉันค่อนข้างอดทน จนกระทั่งช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันถึงได้รู้ว่า จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้ใจกว้างอย่างที่คิดเอาไว้เลย ดังนั้นตัวฉันเองก็มีส่วนผิดด้วย

อาชีพของฉันทำให้ฉันได้รับความช่วยเหลือและ การสนับสนุนมากมาย ฉันรู้สึกซาบซึ้งและรู้สึก โชคดีจริงๆ ดังนั้น! ฉันจึงเข้าใจความไม่เข้าใจ จากคนอื่นได้ทั้งหมด! ฉันสนับสนุนให้ทุกๆคน เลือกอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝันได้เสมอ เพราะคุณมี สิทธิ์ที่จะหลีกหนี จากสถานการณ์ที่ทำให้คุณ ต้องทุกข์และเหนื่อยล้าได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณอยาก หยุดคุณสามารถหยุดได้ ชีวิตคุณเป็นอิสระ และคุณสามารถกล้าหาญได้

ฉันเข้าใจดีว่าทุกคนต่างก็เคยพบเจอความไม่ ยุติธรรมกันมาบ้าง และได้ฟังเรื่องราวที่น่ากลัว มามากมาย หากในสถานการณ์ที่ไม่ได้รับความ ช่วยเหลือ แต่กลับถูกบังคับให้เงียบ ในขณะที่ผู้ กระทำยังไม่หยุด! และทำร้ายหนักขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใด อายุเท่าไหร่ หรือเพศใด ฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องเลย การบังคับให้เปิดแผล เพื่อพิสูจน์ว่า "ไม่ได้คิดสั้น" & "ไม่ได้อ่อนแอ" หรือ "ไม่ได้ไม่พอใจ" เป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าบาดแผลมันจะเกิดจาก สาเหตุใด นอกจากแพทย์แล้ว ไม่มีใครมีสิทธิ์ ตัดสินว่าเหตุการณ์นั้นรุนแรงแค่ไหน หรือว่า เหตุการณ์นั้นอาจเป็นสาเหตุของโรคได้หรือไม่

บันทึกเรื่องราวของฉัน

ปี 2019 ฉันเริ่มมีอาการซึมเศร้า ได้ยินคำว่า "อย่าคิดมากไปเลย", "มองโลกในแง่ดีสิ แล้วจะ ดีขึ้นเอง" ซึ่งฉันเองก็คิดว่าฉันคงแค่ดราม่าเกินไป และอ่อนไหวเกินไป ฉันจึงไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับ ปัญหาทางจิตใจของตัวเอง

ปี 2021 ฉันเริ่มมีอาการเหมือนมีแมลงไต่และ เหมือนมีเข็มแทงตามร่างกาย ร่วมกับอาการแพ้ หลังจากไปโรงพยาบาลเพื่อรับยา และฉีดยา อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น จึงได้ไปพบจิตแพทย์ และเริ่มการรักษาเพื่อบรรเทาความเครียด

ปี 2023 ฉันต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพ หลายอย่าง เช่น ปอดบวม โรคถุงลมโป่งพอง โรคผิวหนังต่างๆ ลมพิษ เหงื่อออกตอนกลางคืน ตื่นเพราะความตกใจ และหูตึงจากความเครียด รวมถึงข่าวร้ายเกี่ยวกับการเสียชีวิตและการป่วย เป็นมะเร็งของคนใกล้ตัว ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นใน ระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ฉันยังคงมองข้าม ความรู้สึกของตัวเอง

ปี 2024 อาการต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น เช่น คลื่นไส้ บ่อยๆ เวียนศีรษะ ปวดข้อ ปวดต้นคอ รวมถึง อาการแพ้ที่รุนแรงขึ้น ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นผล ข้างเคียงจากยาที่กินอยู่เท่านั้น

ในวัยเด็ก ฉันถูกคนรอบข้างพูดว่าฉันเป็นเพียง "แจกันสวย ๆ ไร้ประโยชน์" ตอนเรียนกวดวิชา ฉันเคยถูกครูทำร้ายในห้องพักครู ตอนนั้นฉัน คิดว่าการเรียนไม่ดี จนโดนทำร้ายเป็นสิ่งที่ไม่ สมควร! แต่ฉันไม่กล้าพูดอะไร เพราะคิดว่า "ทุกสิ่งต้องหาสาเหตุจากตัวเองก่อน"

เมื่อโตขึ้น ฉันก็ถูกทำร้ายอีกครั้ง ตอนนั้นฉันคิดว่า การที่ฉันสอบไม่ผ่านเป็นความผิดของตัวเอง ฉันไม่กล้าสร้างเรื่องหรือโวยวาย ฉันแค่อยากหนีไป ฉันชินกับการจัดการเรื่องของตัวเอง และไม่มีนิสัย ขอความช่วยเหลือจากใคร

ต่อมา เมื่อผลงานของฉันเริ่มได้รับการยอมรับ ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนที่มอบความมั่นใจให้ฉัน ฉันจึงกล้าที่จะกล่าวคำอำลาได้ในที่สุด แต่ในท้ายที่สุด เธอคนนั้นกลับเรียกร้อง "ค่าชดเชยการเลิกรา" เป็นจำนวนมหาศาล ถึงจะยอมเลิกทำเรื่องวุ่นวาย เช่น การร้องไห้ การสร้างเรื่อง และการข่มขู่

ทั้งในวงการและนอกวงการ ยังมีการปล่อยข่าวลือ และใส่ร้ายฉันอยู่ตลอด มีคนมากมายที่พูดถึงฉัน ในเชิงซุบซิบนินทา แล้วมาพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับ เรื่องเหล่านั้น!

จริงๆ แล้ว ทุกครั้งคือการเพิ่มความเจ็บปวดให้ลึก ยิ่งขึ้น ดังนั้นมันจึงไม่เคยหยุดที่จะทำร้ายฉันเลย จริงๆ แล้วฉันเข้าใจดีว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการ ทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่สามารถเรียกร้องให้เพื่อนๆ พ่อแม่ หรือบริษัทต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง พวกเขาไม่เคยทำร้ายฉัน และพยายามปกป้องฉัน อย่างเต็มที่แล้ว แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว

ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยพูดถึงโรคนี้ เพราะไม่อยาก ให้การป่วยกลายเป็น "กระแส" แต่เมื่อเรื่องราว มาถึงจุดนี้ ฉันแค่อยากให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นว่า ภาวะซึมเศร้าเป็นเรื่องของอารมณ์ แต่โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางการแพทย์ มันไม่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการ "คิดบวก" หรือ "พูดออกมา"

ฉันหวังว่าคนที่ "รู้สึกเช่นเดียวกับฉัน" จะเข้าใจว่า การได้รับการ "เข้าใจ" จริงๆ อาจไม่สำคัญเท่าไหร่ ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะคุณอาจยังคงวนเวียน อยู่ในวังวนแห่งคำวิจารณ์โดยที่ช่วยตัวเองไม่ได้

สิ่งสำคัญคือ เข้าใจโรคทางจิตใจ ให้ความสำคัญกับการรักษาทางจิตวิทยา สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกเสียใจไม่ได้ช่วยอะไร แต่จงมองว่ามันเป็นโอกาสพิเศษที่ให้คุณสร้าง ตัวตนใหม่และก้าวข้ามความขัดแย้งในใจตัวเอง ขอบคุณทุกความห่วงใย เพราะความรักนี้ทำให้ ฉันมีชีวิตอีกครั้ง ขอให้ทุกๆคนมีความสุข ในวันปีใหม่ และมีความสุขในทุกวัน

เรียบเรียง news.in.th

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ