จากสำนักข่าต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เครื่องบินโบอิ้ง B737-800 ของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ซึ่งประสบเหตุไถลนอกรันเวย์และชนรั้วจนระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 179 รายนั้น ในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ ได้ให้บริการเที่ยวบินมากถึง 13 เที่ยวบิน

หากข้อมูลดังกล่าวเป็นจริง คาดว่าอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องบินติดต่อกันมากเกินความจำเป็นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ยอนฮัปรายงานว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุ ได้บินระหว่างมูอัน เกาะเจจู และอินชอน และเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่างประเทศ เช่น ปักกิ่ง กรุงเทพ โกตาคินาบาลู นางาซากิ และไทเป เครื่องบินลำดังกล่าวให้บริการเป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำสำหรับทัวร์แบบกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่จัดโดยบริษัททัวร์ในเมืองกวางจู โดยเสนอแพ็กเกจทัวร์ 5 วันไปยังกรุงเทพในช่วงคริสต์มาส เที่ยวบินเช่าเหมาลำมีกำหนดการพิเศษตามความต้องการ และโดยปกติจะเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่บริษัททัวร์รับสมัครเท่านั้น

แต่แหล่งข่าวได้แสดงความกังวลว่า สายการบินเจจูแอร์อาจขยายกิจการเกินควรด้วยการจัดตารางเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่มากเกินไปในช่วงไฮซีซันสิ้นปี สนามบินในภูมิภาคในเกาหลีใต้พึ่งพาเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่ให้บริการโดยสายการบินต้นทุนต่ำ เช่น สายการบินเจจูแอร์ เป็นอย่างมาก

“ในกรณีของสนามบินในภูมิภาค มีเส้นทางบินประจำน้อยมาก จึงมักพึ่งพาการให้บริการเช่าเหมาลำ เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่ที่ให้บริการในสนามบินในภูมิภาคเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ เที่ยวบินเช่าเหมาลำส่วนใหญ่จึงดำเนินการโดยสายการบินเหล่านี้” แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกล่าว

สายการบินเจจูแอร์ได้รับการระบุว่า มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ยต่อเดือนสูงสุดสายการบินหนึ่งในบรรดาสายการบินภายในประเทศเกาหลีใต้ ตามข้อมูลของสายการบิน เวลาบินเฉลี่ยต่อเดือนต่อเครื่องบิน 1 เครื่องของสายการบินเจจูแอร์อยู่ที่ 418 ชั่วโมงในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งยาวนานที่สุดในบรรดาสายการบินต้นทุนต่ำภายในประเทศทั้ง 6 สายการบิน คู่แข่งรายอื่นรายงานตัวเลขที่ต่ำกว่า เช่น สายการบิน Jin Air บันทึกเวลาบินเฉลี่ย 371 ชั่วโมง และสายการบิน T'way Air บันทึกเวลาบินเฉลี่ย 386 ชั่วโมงต่อเครื่องในช่วงเวลาเดียวกัน

สายการบินบริการเต็มรูปแบบมีเวลาเที่ยวบินเฉลี่ยต่อเดือนต่อเครื่องสั้นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน โดย Korean Air มีเวลาบิน 355 ชั่วโมง และ Asiana Airlines มีเวลาบิน 335 ชั่วโมงต่อเครื่องบิน