หนุ่ม กรรชัย เผยโดนด่ายับ แบกความหวังจนต้องพบจิตแพทย์ ถึงขั้นลั่นผมไม่ใช่ฮีโร่

หนุ่ม กรรชัย เผยโดนด่ายับ แบกความหวังจนต้องพบจิตแพทย์ ถึงขั้นลั่นผมไม่ใช่ฮีโร่

เรียกได้ว่า เป็นพิธีกรที่ดังมากๆ อย่าง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ล่าสุดได้เปิดใจผ่าน รายการ 3แซ่บ หลังได้รับโหวตให้เป็นขวัญใจคนบันเทิง ปี 2566 โดยได้เล่าว่า ขอบคุณมากๆ สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ในวงการบันเทิง” ส่วนสาเหตุที่ได้รางวัลนี้ กรรชัยก็ว่า ตอบไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่พี่เคยมาออกรายการ 3แซ่บแล้วบอกว่า เราได้โอกาสที่ดีในการที่ได้ช่วยเหลือคน จากการที่พี่ได้มานั่งทำเกี่ยวกับข่าวมันก็กลายเป็นแรงผลักดันของพี่ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า สิ่งที่พี่ทำมาในครั้งนั้นที่มาเล่าให้ฟังมันก็ส่งผล กลายเป็นแรงบันดาลใจของอีกหลายๆ คนก็เลยให้ตำแหน่งนี้กับพี่

ทั้งนี้ เมื่อ แอฟ ทักษอร ถามถึงการได้ตำแหน่งถึง 3 ปีซ้อนกับการเป็น 1 ใน 3 ของผู้ทรงอิทธิพลของไทย จากสวนดุสิตโพล

กรรชัยก็ว่า ย้อนไป 3 ปีก่อน มีการโหวตให้พี่เป็นที่ 1 นะครับปีถัดมาก็เป็นที่ 2 ปีนี้เป็นที่ 3 ก็ถอยลงมาเรื่อยๆ นะ (หัวเราะ) พูดเล่น คือจะเป็นหรือไม่เป็นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักหรอก แต่พอได้รับตำแหน่งนี้มาก็ขอบคุณนะครับ แล้วก็ถามว่าเป็นเพราะอะไรก็คงยังตอบไม่ได้ อาจจะเป็นไปได้ว่าเราทำรายการก็เป็นกระบอกเสียงให้กับทางสังคมกับประชาชนด้วยมันเลยทำให้หลายคนมองว่า มันค่อนข้างจะมีอิทธิพลกับคนดูเวลาคนดูแล้วรู้สึกว่าตอบโจทย์เรื่องของกระบอกเสียงที่ถ่ายทอดออกไปให้กับสังคมได้เห็นกัน

มันอาจจะเหมือนฮวงจุ้ยที่เปลี่ยนไป ยุคนี้เขาอาจจะถูกจริตกับสิ่งที่พี่ทำ ถ้าเอาเรื่องตอนนี้ย้ายกลับไปสักเมื่อ 10 ปีก่อนมันก็อาจจะไม่ถูกจริตเขาก็ได้เพราะปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปเยอะ อย่างเมื่อก่อนมันอาจจะไม่มีการยอมรับในบางเรื่องแต่มาปีนี้สมัยนี้ มันมีการยอมรับเกิดขึ้น

พี่เองก็ไม่ได้จบสื่อสารมวลชน ก็เป็นเหมือนมวยวัด อย่างที่บอกพอมาจับงานตรงนี้พี่ก็ต่อยแบบเหมือนทำเป้าต่อยไม่โดนเป้าคนก็จะด่าเราว่าทำไมทำอย่างนี้ เราก็แค่หยิบตรงนั้นมาใช้เป็นแรงบันดาลใจของเรา ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นสิ่งที่เขาชื่นชมเราอย่างเดียวนะ แรงบันดาลใจของเรามันอาจจะมาจากการที่เขาตำหนิเรา แล้วเราคิดบวกแล้วเราเอาสิ่งนั้นมาปรับปรุงแก้ไขในการทำงานของเรา หรือชีวิตของเราได้ เมื่อก่อนพี่ก็ไม่รู้หรอกว่าการที่จะต้องสัมภาษณ์เด็กเนี่ยมันมีข้อห้ามนะพอสัมภาษณ์ก็โดนด่าโดนนู่นนี่ พอเรารู้เป็นประสบการณ์เราก็เปลี่ยนทิศทางใหม่ เราก็หยิบสิ่งที่เราไม่เคยเรียนรู้มาก่อนมาปรับปรุงและใช้

พี่ก็ยอมรับว่าพี่ไม่เคยเรียนเรื่องของสื่อ แต่ก็มั่นใจอย่างหนึ่งว่าคนที่เป็นสื่อจริงจังก็ทำแบบพี่ไม่ได้ ถามว่าเพราะอะไรพี่ก็จะบอกกลับไปว่าสำหรับพี่มองว่าปัจจุบันนี้ความเป็นกลางมันไม่มีหรอก มันมีแต่ความเป็นธรรม ผมถามว่าถ้าคุณเป็นกลางนำเสนอข่าวไปอย่างเป็นกลางแต่บังเอิญว่ามันไปกระทบกระเทือนกับครอบครัวของคนที่คุณกลับมาเสนอข่าว คุณกลับไปรับผิดชอบอะไรเขาได้ไหม สำหรับพี่ พี่รับผิดชอบพี่ส่งเสียลูกของคนที่เป็นเหยื่อแล้วเสียชีวิตแล้วต้องมาออกรายการพี่ พี่ได้แล้วพี่ก็แค่คืนกลับไปให้เขาเท่านั้นเอง พี่ใช้วิธีนี้ของพี่ทำสิ่งเหล่านี้คืนให้กับสังคมบ้างเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ เมื่อถามถึงแรงกดดันต่างๆ ที่โดนมาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันมันเคยทำให้ท้อบ้างไหม “เคยมีนะ อย่างแรกๆ เราก็งงว่าเราทำอะไรผิด ด่าเรายับเลย เราก็รู้สึกว่ามันไม่ไหว คือนอนหลับไปตี 1 ตี 3 ตื่น เครียดนอนไม่ได้ กังวลใจทำไมคนด่าเราขนาดนี้เพราะอะไร อยู่อย่างนี้จนต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ เคยโดนด่าเยอะมากจากการนำเสนอข่าวบางข่าวออกไป

ปรากฏว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาหาพี่ แล้วบอกว่า ‘เป็นกำลังใจให้นะเพราะเห็นว่าคุณหนุ่มถูกด่าเยอะมากกับการนำเสนอข่าวในครั้งนั้น ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยนะวันนี้ที่คุณหนุ่มต้องเป็นแบบนี้เพราะว่าคนเขาฝากความหวังไว้กับคุณทุกคนกำลังคาดหวังในตัวคุณ แล้วมันก็มีไม่กี่คนหรอกที่คนจะคาดหวังในตัวเขา’

แล้วมีอีกอันนึงที่เขาพูดมาแล้วพี่ประทับใจมากเลยเขาบอกว่า ‘คุณเข้าใจหรือยัง คุณคิดว่าคุณเป็นฮีโร่ไหม’ พี่ก็บอกว่า พี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ เขาบอกว่า ‘แต่ว่าคนที่เป็นฮีโร่อ่ะคุณรู้หรือยังว่าทำไมแบตแมนถึงต้องใส่หน้ากาก คุณรู้หรือยังว่าทำไมสไปเดอร์แมนเขาถึงต้องใส่หน้ากาก’ พี่บอกพี่ไม่เข้าใจ

เขาบอกเพราะว่า เขาไม่ต้องการให้คนคาดหวังกับเขาไง เพราะถ้าเขาถอดหน้าทุกคนจะต้องวิ่งมาหาเขา เขาต้องกลายเป็นเป้าความคาดหวัง ของคนแต่เราไม่ใช่ฮีโร่ไงเราเลยไม่ต้องใส่หน้ากากเพราะฉะนั้นคุณถึงต้องแบกความคาดหวังเอาไว้มันคือสิ่งที่คุณต้องคิด

หลังจากฟังแล้วพี่นอนหลับเลยไม่ได้ตื่นตี 3 อีกแล้วหลังจากที่ตื่นตี 3 มาเป็นเดือน พอฟังอาจารย์คนนี้พูดแล้วพี่บอกว่าคิดในใจเลยว่านี่คือแรงบวก มันเป็นธรรมดา ก็เลยรู้สึกว่าคิดแบบนี้แล้วสบายใจ ว่าเราก็มาอยู่ตรงที่คนคาดหวังเรานะ

พี่ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ที่จะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างตามความคาดหวังของคนที่หวังกับพี่ พี่เป็นแค่กระบอกเสียง ไม่ได้เป็นคนดีนะแต่แค่รู้สึกว่าอยากคืนอะไรให้สังคมบ้าง อยากเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กเหล่านี้บางว่าโตขึ้นมาคุณต้องรู้จักกันให้บ้าง การที่คุณจะรับมาอย่างเดียวไม่ได้ตัวมันจะแตก คุณจะต้องคืนกลับไปบ้างมันคือแนวคิด

กับรายการ โหนกระแส ที่ปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 แล้ว หนุ่ม กรรชัยก็ว่า ก็พยายามจะรักษามาตรฐานเอาไว้ แล้วก็ขอต้องบอกคนที่ดู คนที่ชอบผมขอบคุณมากๆ ที่ให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอด สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบก็คงต้องบอกว่า ผมเองก็พยายามจะปรับจูนในสิ่งที่คุณอยากให้เป็น คือผมเห็นตลอดในสิ่งที่คุณกำลังบอกว่าคุณไม่ชอบ แต่ว่าบางครั้งอย่าให้ผมปรับจูนจนกระทั่งผมเอง ต้องทิ้งความเป็นตัวตนของผมไปอันนั้นผมทำให้ไม่ได้จริงๆ

ความในใจถึงแฟนคลับ เขาคือคนที่รักเราคนที่ติดตามคนที่ชื่นชอบก็คงจะต้องบอกว่าโลกของคุณสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้อีกเยอะแยะมากมายครับ อย่าดูถูกตัวเองคุณอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆ คนได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ