สทนช. เผยสถานการณ์น้ำยังปริ่ม พื้นที่น้ำท่วม15 จังหวัด 69 อำเภอ

สทนช. เผยสถานการณ์น้ำยังปริ่ม พื้นที่น้ำท่วม15 จังหวัด 69 อำเภอ

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 รายงานว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. สภาพอากาศ

หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือและประเทศเมียนมา ส่งผลให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และตาก ขณะที่ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ จากอิทธิพลของลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้

แนวโน้มช่วงวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2568 คาดว่าประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง เหลือเพียงฝนฟ้าคะนองประปราย เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนไปปกคลุมประเทศเมียนมา อย่างไรก็ตาม ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีแนวโน้มฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ตอนบน เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีกำลังแรงขึ้น และจะมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนกลาง

2. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ

ปริมาณน้ำรวมอยู่ที่ 89% ของความจุเก็บกัก (71,444 ล้านลูกบาศก์เมตร) โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ 81% (47,323 ล้านลูกบาศก์เมตร)
สำหรับแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำต่ำกว่า 30% ของความจุ พบจำนวนรวม 20 แห่ง

-ภาคกลาง 3 แห่ง

-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 แห่ง

-ภาคตะวันออก 6 แห่ง

-ภาคตะวันตก 6 แห่ง

-ภาคใต้ 2 แห่ง

3. คุณภาพน้ำ

ผลตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยเฉพาะน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค

แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

แม่น้ำท่าจีน แม่กลอง และบางปะกง มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีเช่นกัน

4. พื้นที่ประสบอุทกภัย

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พบสถานการณ์น้ำท่วมใน 15 จังหวัด 69 อำเภอ ได้แก่

สุโขทัย, พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, นครสวรรค์, อุทัยธานี, สิงห์บุรี, ชัยนาท, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี, นครปฐม และอุบลราชธานี

หลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะเขตลุ่มต่ำใกล้แม่น้ำสายหลัก

5. การให้ความช่วยเหลือและแจ้งเตือน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ จ.ลำพูน หลังพบฝนตกหนักต่อเนื่องในอำเภอลี้ โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เช่น ตำบลป่าไผ่ และตำบลแม่ตืน เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม พร้อมยกของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบาง และติดตามข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกัน กรมชลประทาน ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและชี้แจงแนวทางบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยระบุว่า เขื่อนเจ้าพระยา ทำหน้าที่หลักในการหน่วงน้ำเหนือและบริหารการระบายน้ำทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก เพื่อบรรเทาผลกระทบในพื้นที่ตอนล่าง

สำหรับข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ ต.หัวเวียง และ ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ขอให้ลดการระบายน้ำเข้าสู่แม่น้ำน้อยนั้น กรมชลประทานยืนยันว่าจะ คงอัตราการระบายไว้ที่ 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะไม่เพิ่มการระบายน้ำในช่วงนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชน พร้อมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ปรับแผนการระบายน้ำรายวันให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและน้ำหลาก เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ