โหงวเฮ้ง บุตรชายเท่ง เปลือยทุกคำครหา

โหงวเฮ้ง บุตรชายเท่ง เปลือยทุกคำครหา

เป็นอีกหนึ่งบุตรคนดังที่เรียกได้ว่าถูกจับตามองอย่างหนัก สำหรับ โหงวเฮ้ง อัครพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ลูกชายคนโตของซุปตาร์ตลก เท่ง เถิดเทิง ที่ตอนนี้คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น นอกจากฐานะเป็นลูกของเท่ง ตอนนี้รับบทยูทูบเบอร์น้องใหม่

ล่าสุด หนุ่มโหงวเฮ้ง ได้ออกมาเปิดใจกับทุกคำครหาที่เจ้าตัวได้รับจากคนนอกที่มองเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเม้าธ์ซุบซิบนินทา ว่าเป็นลูกคนดัง ลูกคนมีตังค์ ก็ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ ไม่เอาไหน อีกทั้งติดสิ่งไม่ดี

พอมาทำยูทูบก็เกาะพ่อดัง ซึ่งทั้งหมดนี้ หากได้ฟังคำสัมภาษณ์ของเขาแล้ว หลายคนอาจจะมีมุมมองต่อหนุ่มคนนี้เปลี่ยนไป เรามาชมกันเลยดีกว่าว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไง

ตลาดเท่ง ถือว่าเป็นธุรกิจหลักของเราเลยไหม

ถ้าสำหรับผม ตอนแรกมันเป็นธุรกิจหลักๆของผมเลยครับ เพราะว่าผมขอเอาเงินพ่อกับแม่มาลงทุนทำ พี่หุ้นส่วนที่ทำด้วยกันคือเขาเป็นคนพื้นที่ คือพ่อแม่ของเราทั้งคู่รู้จักกัน เหมือนลูกชายกับลูกชายมาทำธุรกิจด้วยกัน

แสดงว่ารายได้หลักๆของเราตอนนั้นคือขาดหายไปเลย

ใช่ครับ หายไปเลยเราก็งงอยู่กับตัวเองพักนึง ว่าเราจะเอายังไงดี เพราะตั้งแต่เราขอเงินทุนพ่อแม่มาทำตลาด เราก็ไม่เคยขอตังค์พ่อแม่เลยตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา คือเราคิดว่าเราขอก้อนนี้มา หลังจากนี้เราจะไม่กลับไปใช้ตังค์เขาอีกแล้ว

แล้วทำได้ไหม ทำได้ครับ ทำได้ คือก่อนหน้านั้น ก่อนที่ผมจะมาทำตลาด ผมก็เคยทำร้านอาหารอีสาน เคยเปิดร้านขายส้มตำขายลาบข้างทางแบบมีเต็นต์ คือตอนที่กลับมาไทยแรกๆ อยากจะลองหาตังค์ ลองทำมาหมด เคยขายเสื้อ เคยสกรีนเสื้อขาย เคยรับจากแพลตตินั่ม เคยทำมาหมดครับ ก่อนที่จะมาทำตลาด

และตอนเรียนอยู่นิวซีแลนด์ก็เคยส่งหนังสือพิมพ์ด้วย คือเราหาตังค์ตั้งแต่เด็กอะครับ แล้วเรากลับมาเมืองไทย ตอนนั้นช่วงที่ ม.ปลายพอดี ช่วงม.5 ม.6 ช่วงนั้นเด็กรุ่นนี้มันกำลังปากดี เราก็จะโดนบอกว่า 'มึงอ่ะเป็นลูกไอ้เท่ง ไม่ต้องทำอะไรหรอก รอเงินจากพ่อก็ได้' มันยิ่งทำให้เรารู้สึกไม่ได้แล้ว เราต้องโชว์ให้พวกแม่งเห็น

แล้วจากนั้น เราคิดเลยว่าเราจะไม่ให้ใครมาพูดเลยว่าเราใช้เงินพ่อแม่ คือพ่อแม่เราเขาเสียกับเราไปเป็น 10ล้าน ตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอก พอผมกลับมาไทย ผมคิดไว้เลยว่าเราอยู่บ้านเขาฟรีแล้ว เราต้องไม่ใช้ตังค์เขา

แล้วพอออกมาอยู่คอนโดฯเอง หลังจากเอาเงินก้อนนั้นออกมาแล้วเราทำตลาด เราก็ให้ทุนเขาคืน ได้ทุกเดือนแล้วก็ตัดเก็บเราบ้าง แล้วก็ให้เขาคืน ตลอดเวลา3-4ปีที่เปิดมา ก็ให้เขาทุกเดือนครับ แบ่งเปอร์เซ็นต์กัน แล้วพอตลาดปิด มันเคว้งคือเราเพิ่งเรียนจบด้วย ก็คิดว่าจะทำยังไง ก็เลยมาทยูทูบ

มันเริ่มจะจริงจังมากกว่าเดิม ตอนแรกผมโฟกัสเรื่องตลาดกับเรื่องเรียน เพราะว่าผมเรียนช้าแล้ว เนื่องจากเราเป็นเด็กดื้อไง ตอนที่เรากลับมาจากเมืองนอกอะ ตอนนั้นเราไม่อยากกลับมา มันก็เลยทำให้เราดื้อ

ก็เราไม่อยากกลับเอาเรากลับมาทำไม เราก็เลยดื้อเละเทะเลยตอนช่วงม.6 ตอนช่วงปี1 คือพ่อแม่ร้องไห้เลย เพราะเราดื้อมาก แต่เรารู้แล้วว่าเราทำแบบนี้ต่อไม่ได้เพราะว่าเราเป็นพี่คนโต

แล้วเรื่องติดสิ่งไม่ดีนี่ยังไง คือคาแร็กเตอร์ของผมออกลูกกวนเท้าหน่อย ทรงผมมันเป็นไม่ใช่ทรงเด็กดีอะ เขาก็จะมองอย่างโน้นอย่างนี้ คือการทำยูทูบ ผมจะมาเรียบๆ มันก็ไม่ได้ ผมก็จะต้องพุ่งๆ คืออยากจะทำอะไรให้คนมันจำเราได้ด้วย กิมมิกเล็กๆให้เป็นตัวเองด้วย

ก็ยืนยันว่าไม่ได้ติดแน่นอน ไม่ได้ติดครับ ไม่ได้ติด แต่ผมใช้ชีวิตเมืองนอกมา ผมเคยทำให้พ่อแม่เสียใจ ผมบอกเลยว่าผมเคยเล่น แต่ตอนนี้ผมถือว่าเราโตแล้ว ผมว่าเราไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นได้ แต่ผมคิดว่าผมอาจจะเป็นคนที่พูดเร็วด้วย

ขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก ข่าวสด

เรียบเรียงโดย ทีมงาน zap dara

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ