ขวัญ อุษามณี นั่งแท่น CEO

ขวัญ อุษามณี นั่งแท่น CEO

เป็นอีกหนึ่งนากเอกสาวที่เรียกได้ว่า นอกเหนือจากฝีมือทางการแสดงที่หาตัวจับยากแล้ว นางเอกหน้าบาร์บี้ ขวัญ อุษามณี มีดีกว่าที่หลายคนรู้จัก อย่างที่รู้กันดีว่านางเอกมากความสามารถคนนี้ได้ผันตัวมาทำธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจสตาร์ทอัพเต็มตัว

แม้ล่าสุดสถานการณ์ cv จะทำให้ธุรกิจทั่วโลกระส่ำ แต่ขวัญยังสามารถนำพาบริษัทและธุรกิจเดินหน้าไปไม่หยุด

ซึ่งปัจจุบันธุรกิจ Uzi Cosmestic ได้เดินไกลไปต่างแดนกว่า 9 ประเทศแล้ว

ซึ่งหากถามว่าความฝันของ ขวัญ อุษามณี คืออะไรบ้าง ก็ต้องบอกว่าการมีธุรกิจเป็นของตัวเองคือหนึ่งในความฝันของเธอ

นอกเหนือจากการเป็นนักแสดงกับตำรวจ ซึ่งเป็นความชอบตั้งแต่เด็กและอยากตามรอยคุณพ่อ

โดยก่อนหน้านั้น ขวัญ ลุยธุรกิจคอสเมติกมาแล้วราว 3 ปี นั่นคือลิปสติกและเครื่องสำอางแบรนด์ Uzi Cosmestic

ก่อนจะเพิ่มเติมธุรกิจสตาร์ทอัปเมื่อไม่นานมานี้ เป็นบริการธุรกิจครบวงจรภายใต้ชื่อ Security & Cleaning Service Thailand

เน้นให้บริการ พนักงานขับรถ แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย และบริการต่างๆ อีกมากมาย

โดยในช่วงสถานการณ์ cv ผ่านมา บริการฉีดพ่นน้ำยา หนึ่งในบริการที่รวมอยู่ในธุรกิจของเธอ ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ

เพราะตอบโจทย์ชีวิตผู้คนในยุคนี้ เนื่องจากหลายคนต้องดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากการแพร่กระจาย

ซึ่งตลอดเวลา ขวัญ พยายามผุดไอเดียธุรกิจบริการที่หลากหลายและมีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์สังคมในยุคปัจจุบันเสมอ

และ 3 ปี ของธุรกิจคอสเมติก ก็นับว่าเป็นธุรกิจที่ ขวัญ อุษามณี ทำออกมาได้ดีและประสบความสำเร็จมาก

ล่าสุดซีอีโอคนสวยพาแบรนด์ Uzi โกอินเตอร์ไปไกลแล้ว ทั้งลุยตลาดเอเชียอย่าง จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และลุยตลาดยุโรปอีกหลากหลาย

อาทิ เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ ฯลฯ โดยในจีน ขวัญ ติดต่อนายกสมาคมปักกิ่ง เป็นตัวแทนนำผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ของเธอไปกระจาย

ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกตัวของ Uzi Cosmestic ขวัญใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต เน้นเอาความออร์แกนิกมาเป็นตัวชู เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามในยุคปัจจุบันก้าวล้ำไปไกลในทุกๆ ด้าน

แต่นางเอกคนสวยควบตำแหน่งซีอีโอคนเก่งกลับใส่ความเป็นธรรมชาติลงไปในผลิตภัณฑ์ทุกๆ ตัวของเธอ จะเรียกว่า Back to Basic ก็คงได้อยู่

ที่สำคัญ ขวัญ ทดลองใช้สินค้าเองทุกตัว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น

ขวัญเผยว่าเธอรู้สึกสนุกมากที่ได้ทำงานที่รัก และมีความสุขเสมอที่ได้เลือกสิ่งดีๆ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้คนไทยได้ใช้ในราคาที่จับต้องได้

และนอกจากคนไทยในประเทศแล้ว เธอเองก็ยังอยากให้คนไทยในต่างประเทศเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเธอด้วย แหม่ เรียกว่าสวยเก่งครบสูตร นางเอก CEO จริงๆ

สำหรับประของสาวขวัญนั้นได้รับการทาบทามและแนะนำจากทีมงานนักแสดงตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยเริ่มจากงานเดินแบบ และเล่นละคร ละครเรื่องแรกที่เล่นคือ พ่อจ๋า แม่ขา ลูกรัก จนได้รับงานแสดงทั้งของช่อง 3 และช่อง 7

ในปี 2547 อุษามณีได้ทำสัญญาเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยเรื่องแรกหลังการเซ็นสัญญานั้นคือ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ภาค 2 ตอนแม่มดน้อยตัวป่วน

ซึ่งเธอรับบทนางร้ายเป็นเรื่องแรก เรื่องต่อมา อกธรณี เธอได้เล่นเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรก และส่งผลให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากละครประสบความสำเร็จอย่างมาก เรตติ้ง 22

ต่อมาอุษามณีได้แสดงในเรื่อง ขิงก็ราข่าก็แรง ที่ทำให้เกิดวลีติดปากอย่าง แม่ไม่ปลื้มจบ ส่งผลให้ละครเรื่องนี้เป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของปี 2549 โดยตอนจบเรตติ้งสูงสุดถึง 24 และเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 17

และถือเป็นนางเอกที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งที่ได้เข้าชิงรางวัล ดารานำหญิงยอดเยี่ยม จากเวทีประกาศรางวัลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับสูงสุดในสมัยนั้นอย่าง Top Awards เทียบเคียงนางเอกแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง อั้ม พัชราภา อ้อม พิยดา และแอน ทองประสม

หลังจากนั้นชื่อเสียงของอุษามณีก็ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆของเมืองไทยทันที

ต่อมาปี 2554 อุษามณีได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือในบทร้ายอีกครั้งกับบท อินตรา จากละครเรื่อง เพลิงพรหม ที่สามารถทำเรตติ้งตอนจบสูงถึง 20 จนคว้ารางวัลร้ายได้ใจ จากสยามดารา อวอร์ด 2011

และในปีเดียวกันนี้ ขวัญ อุษามณี ได้รับโอกาสจากคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ หัวเรือใหญ่ของช่อง 7 สมัยนั้น ให้สวมบทบาทนางเอกในละครฟอร์มยักษ์ทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท ฟ้าจรดทราย และใช้เวลาในการถ่ายทำนานกว่า 3 ปี ก่อนจะออกอากาศในปี 2556

แม้ละครฟ้าจรดทรายจะไม่ประสบความสำเร็จทางด้านเรตติ้ง แต่ละครได้สร้างกระแสอย่างมาก ส่งผลให้ ขวัญ อุษามณี ได้รับรางวัล นางเอกที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดแห่งปี จากเวที MThai Top Talk 2014

ต่อมาปี 2558 เธอได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือในบทบาทนางเอกสุดแรงกับบท ชิดชบา จนคว้ารางวัล นักแสดงนำหญิงเจ้าบทบาท จากสยามบันเทิง 2015 และรางวัลเมขลา 2559 และในปี 2560 เธอได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือบทร้ายเต็มตัวอีกครั้งในบท พิตะวัน สัจจามาตย์ ในละครเรื่อง มายา

ในปี 2561 อุษามณีตัดสินใจไม่ต่อสัญญาการเป็นนักแสดงกับช่อง 7 และผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ เพื่อทุ่มเทเวลาในการประกอบธุรกิจส่วนตัว ผลงานละครเรื่องสุดท้ายกับช่อง 7 คือ ไฟหิมะ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน zap dara

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ