ลุงอัมพร ปานกระโทก จากกรรมกรสู่นักแสดงสมทบระดับตำนาน

ลุงอัมพร ปานกระโทก จากกรรมกรสู่นักแสดงสมทบระดับตำนาน

นายอัมพร ปานกระโทก วัย 66 ปี ดาราตัวประกอบชื่อดังที่มีผลงานหลายร้อยชิ้นตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ยอมบอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตว่า

ผมเริ่มเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2526 แต่ก่อนจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ผมเคยประกอบอาชีพขี่สามล้อ, รปภ., เด็กรถสิบล้อ, รับจ้างเก็บรากไม้ตามถนน

รับจ้างทำทุกอย่างแล้วแต่เขาจะจ้าง จนวันหนึ่งรู้สึกว่า บ้านเกิดเรา(โคราช)มันไม่มีอะไรจะให้ทำแล้ว ถ้าขืนอยู่ต่อ มีหวังได้อด

ผมเลยตัดสินใจออกมาเผชิญโชคที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มแรกจากการรับจ้างเป็นกรรมกร ซึ่งผมพอจะมีความสามารถในการทำก่อสร้างอยู่บ้าง

เพราะพ่อแม่ของผมเป็นกรรมกร เลยได้เห็นได้จับมาบ้างแล้ว และพอทำไปได้ไม่นานก็มีคนจ้างไปทำงานก่อสร้างแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว

แต่ใครจะไปรู้ว่า ผมกำลังฉาบๆ ปูนอยู่ จะมีคนเดินเข้ามาชวนไปเป็นนักแสดงตัวประกอบ โดยงานแรกที่รับเล่น คือเรื่องพระเพื่อนพระแพง ออกอากาศบนทีวี

โดยผมรับบทเป็นนายบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน) จำได้ว่า ไปทำงาน 4 วัน 3 คืน กินกลางป่านอนกลางเขา ได้ค่าจ้างแค่ 3 ร้อยบาท ไม่คุ้มเลยตอนนั้น

แต่ในใจก็รู้สึกว่า เออ เราชอบทำงานแบบนี้ เราเจอทางที่ชอบแล้ว

เมื่อถามถึงช่วงที่ชีวิตดีที่สุด ลุงอัมพร ตอบว่า ประมาณปี 2532-2535 เป็นปีที่งานเยอะมากๆ มีหนังฝรั่ง หนังจีน หนังฮ่องกง เข้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยค่อนข้างเยอะ

ผมมีคิวจองเต็มทั้งสัปดาห์ เพราะผมขี่ม้า ขับรถได้ ผมทำได้หมด รายได้ตกสัปดาห์ละเกือบหมื่นบาท และถ้าแสดงธรรมดา ราคาจะถูกกว่าฉากที่ต้องรับเอฟเฟกต์ เพราะถ้ารับเอฟเฟกต์จะคิดเพิ่ม 1,500 บาท แสดงธรรมดาอยู่ที่ 700-1,000 บาทแล้วแต่จะตกลง

บางสัปดาห์โชคดีมีงานโฆษณาติดต่อเข้ามา ก็ได้ค่าจ้างตั้งแต่ 30,000 ถึง 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับเนื้องาน แต่มีอยู่งานหนึ่งเขาจ้างผม 500,000 บาท แต่ผมไม่รู้ว่า เขาจ้างเรตเท่านี้

มารู้อีกทีตอนเสร็จงาน โมเดลลิ่งบอกว่า เขาจ้าง 500,000 บาท แต่ขอหักค่านู่นค่านี่ เหลือ 105,000 บาท ตอนนั้นผมเสียใจที่เสียรู้เขา อยากเอาตังค์ไปให้ลูกๆ เรียนหนังสือ

สมัยก่อนนะ ผมพอจะมีเงินอยู่บ้าง เพื่อนพ้องพี่น้องเต็มไปหมดเลย ใครเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมา ถ้าผมพอช่วยได้ผมก็ช่วย โอโห บอกได้เลยว่า ญาติเยอะ(เน้นเสียง) ไปไหนมาไหน มีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ตอนนี้ไม่มีเงิน ใครเขาก็ไม่มอง ผมโทรไปหาใครก็ไม่มีใครเขาอยากจะรับ

บอกได้เลย ตอนนี้ชีวิตผมแย่จริงๆ ผมไม่อายหรอกนะ ถ้าจะมีคนบอกว่า ผมตกอับ ที่ผ่านมามีคนจ้างผมอยู่แค่ไม่กี่วัน สมัยก่อนเงินร้อยสองร้อยหาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้ ตอนนี้กว่าจะได้สักบาทช่างยากเย็น ระยะหลังมานี้ต้องอาศัยขอลูกๆ แต่ก็ใช่ว่าลูกๆ ผมจะมี เพราะเขาก็มีครอบครัว มีภาระที่ต้องดูแล

เมื่อซักถามว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่มีงานจ้าง ลุงอัมพร ตอบว่า ตั้งแต่มีการรัฐประหารปี 2557 จากนั้นมาเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ผู้ประกอบการเขาลงทุนกันน้อยลง เมื่อเขาลงทุนกันน้อย งานผมก็น้อยลงตามไปด้วย มิหนำซำ้เด็กหน้าใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นใหม่รายวัน

ส่วนชีวิตล่าสุดของลุงอัมพรนั้น ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เหลือก็แต่ลูกๆ อีก 3 คน โดยลูก 2 คนแยกไปมีครอบครัว แต่ลูกอีกคนหนึ่งยังอยู่ด้วยกัน โดยสองคนพ่อลูกเช่าห้องพักราคาถูกอยู่ในกรุงเทพฯ

ทุกวันนี้เวลาไปไหนมาไหน ไปตลาด หรือเดินอยู่ตามถนน ก็ยังมีคนที่เขาพอจะจำนักแสดงตัวประกอบคนนี้ได้ เขาก็เดินเข้ามาขอถ่ายเซลฟี่กับผมอยู่บ่อยๆ นะครับ

ผมอยากจะขอฝากไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ หากอยากให้ผมรับใช้ และชื่นชอบในความซื่อสัตย์ของผม ก็ขอให้ผมได้รับใช้นะครับ ขอแค่มีเงินได้ซื้อข้าวกินก็เพียงพอแล้วครับ ลุงอัมพร นักแสดงตัวประกอบ ทิ้งท้ายอย่างซื่อๆ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน news.in.th

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ