วันที่ 29 สิงหาคม 2568 นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด หลังจากจังหวัดได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุ คาจิกิ ที่พัดผ่านเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่

เบื้องต้นพบว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบกระจายใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และ อำเภอขุนยวม รวมทั้งหมด 10 ตำบล 56 หมู่บ้าน มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย และยังคงสูญหายอีก 2 ราย ขณะที่บ้านเรือนประชาชนเสียหายรวม 30 หลัง ส่งผลให้ประชาชนกว่า 5,485 คน จาก 1,567 ครัวเรือน ต้องเผชิญกับความเดือดร้อน

ระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ ต.ห้วยโป่ง และ ต.ผาบ่อง ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ถูกตัดขาดบางจุด ขณะที่ด้านคมนาคม เส้นทางหลักอย่าง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ได้รับความเสียหายรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณคอสะพานห้วยโป่งขาด (ใกล้วัดห้วยโป่ง) ทำให้การสัญจรถูกตัดขาด รวมถึงเส้นทางอื่น ๆ อีกหลายจุด

หน่วยงานในพื้นที่ ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิต่าง ๆ และหน่วยงานรัฐ ได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมจัดกำลังค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ด้านการซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค ได้มีการร่วมมือกันปักเสาไฟฟ้า พาดสายไฟ และซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้านโดยชาวบ้านร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ได้เร่งประสานขอรับการสนับสนุนติดตั้งสะพานเบลีย์จากศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 (พิจิตร) โดยตั้งเป้าดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 กันยายน 2568 เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้เส้นทางสัญจรได้อีกครั้ง ขณะเดียวกัน อบจ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าดำเนินการถมคอสะพาน ปรับเกลี่ยเปิดทางน้ำและกำจัดเศษวัสดุที่ขวางทางน้ำอย่างเร่งด่วน

ด้านงบประมาณช่วยเหลือ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และ อำเภอขุนยวม อำเภอละ 500,000 บาท เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนและการดำรงชีพในช่วงวิกฤต

ส่วนในพื้นที่ ทางหลวงหมายเลข 108 ตอนแม่สุริน-ปางหมู (กม.317+300 - 317+365) แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ได้จัดเครื่องจักรเข้าดำเนินการเคลียร์พื้นที่ และติดตั้งอุปกรณ์เตือนภัย พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้เส้นทางให้เพิ่มความระมัดระวัง และปฏิบัติตามป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด