ทบ.ชี้แจงพร้อมหลักฐาน ทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นของใหม่ ไม่ใช่ตกค้างจากสงคราม

ทบ.ชี้แจงพร้อมหลักฐาน ทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นของใหม่ ไม่ใช่ตกค้างจากสงคราม

จากกรณีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 กระทรวงกลาโหมของกัมพูชาออกแถลงการณ์ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณชายแดนใกล้ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ โดยยืนยันว่า กัมพูชายังคงปฏิบัติตามพันธกรณีใน อนุสัญญาออตตาวา อย่างเคร่งครัด และไม่มีการวางทุ่นระเบิดเพิ่มเติมในพื้นที่ชายแดนแต่อย่างใด

วันที่ 28 สิงหาคม 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกของไทย ได้ออกมาชี้แจงตอบโต้ โดยระบุว่า พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเขตที่มีผู้ปฏิบัติการเพียงสองฝ่ายคือไทยและกัมพูชา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุขึ้นกับฝ่ายไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามหรืออ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

หลักฐานที่ยืนยันชัดว่า ทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นของใหม่ ไม่ใช่ของตกค้างจากสงคราม

4 ส.ค. 2568 หน่วยทหารช่างตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งที่ติดตั้งแล้วและเตรียมรอวาง ในพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นแนววางกำลังเดิมของฝ่ายกัมพูชา

22 ส.ค. 2568 พบทหารกัมพูชาแต่งกายในลักษณะหน่วย BHQ ลอบซุ่มตรวจการณ์ใกล้เนิน 350 ฝั่งปราสาทตาควาย ก่อนจะถูกยิงขับไล่ และตรวจพบ PMN-2 อีก 3 ทุ่นในจุดเดียวกัน

30 ก.ค. 2568 มีภาพจากอินฟลูเอนเซอร์ชาวกัมพูชาเผยแพร่ลงโซเชียล ขณะถ่ายทำคอนเทนต์บริเวณปราสาทตาควาย โดยในภาพมีพวงทุ่นระเบิด PMN-2 ปรากฏอยู่ด้วย

19 ส.ค. 2568 หน่วย TMAC ของไทยตรวจพบโทรศัพท์ของทหารกัมพูชาทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ ภายในมีคลิปวิดีโอ-ภาพถ่ายพร้อมเสียงสนทนาเป็นภาษาเขมร แสดงขั้นตอนการถือและใช้งานทุ่น PMN-2 ก่อนนำไปฝังในพื้นที่ฝั่งไทย

พลตรีวินธัยยังกล่าวว่า ทุ่นระเบิด PMN-2 มีลักษณะเฉพาะ เป็นพลาสติกแข็ง ผิวมันวาว มีตัวอักษรและตัวเลขพิมพ์คมชัด ซึ่งไม่ตรงกับลักษณะของทุ่นระเบิดที่เคยตกค้างจากสงครามกลางเมืองในกัมพูชาแต่อย่างใด โดยหน่วย TMAC เคยเก็บกู้ทุ่นที่ตกค้างเหล่านั้นแล้วตั้งแต่ปี 2019 รวมทั้งสิ้นกว่า 1,300 ลูก โดยไม่พบว่าเป็นชนิด PMN-2 เลยแม้แต่ลูกเดียว

อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ ท่าทีของกัมพูชาในเวทีหารือระหว่างประเทศ

ในการประชุม GBC เมื่อ 7 ส.ค. 2568 กัมพูชาไม่รับข้อเสนอร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดจากฝ่ายไทย

ในเวที RBC ล่าสุด แม้จะเริ่มแสดงท่าทีตอบรับ แต่กลับขอเลื่อนการเจรจาไปยังเวที GBC อีกครั้ง ซึ่งไทยมองว่าเป็นลักษณะของการ ซื้อเวลา

ขณะเดียวกัน เอกสารรายงานต่อ อนุสัญญาออตตาวา เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2024 ของกัมพูชา ระบุชัดเจนว่า ยังคงมีครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคลรวมกว่า 3,700 ลูก โดยอ้างว่าเก็บไว้เพื่อการฝึกภายใต้มาตรา 3 แต่จากพฤติการณ์ที่พบในพื้นที่ชายแดน ชี้ชัดว่า มีการลักลอบนำทุ่น PMN-2 มาฝังในเขตไทย ซึ่งขัดกับข้อตกลงและหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

กองทัพบกไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ยึดมั่นในศักดิ์ศรีของการเป็นทหาร และให้เกียรติกับข้อตกลงร่วมระหว่างประเทศ อย่าปฏิเสธความจริงที่ปรากฏอย่างชัดเจนผ่านพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ