
ชัยนาท เปิดสายด่วน รับมือน้ำท่วม 24 ชม. หลังน้ำเหนือทะลักเจ้าพระยา
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 จากสถานการณ์ฝนตกชุกอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน คาจิกิ ส่งผลให้พื้นที่จังหวัดชัยนาท รวมถึงจังหวัดตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีฝนตกหนักแทบทุกวัน หน่วยงานราชการในพื้นที่จึงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเป็นรายวัน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน
องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท โดยนางจิตรธนา ยิ่งทวีลาภา นายก อบจ.ชัยนาท ได้สั่งการให้จัดตั้ง ศูนย์สายด่วนรับแจ้งเหตุ หมายเลขโทรศัพท์ 084-290-0421 เพื่อเปิดรับการแจ้งเหตุและร้องขอความช่วยเหลือจากสถานการณ์น้ำท่วม พายุฝน และภัยพิบัติต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ และชุดปฏิบัติการกู้ภัย-บรรเทาสาธารณภัยให้พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่ในทันทีเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
ในขณะที่สถานการณ์น้ำที่ เขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท จุดยุทธศาสตร์สำคัญในการบริหารจัดการน้ำของภาคกลาง ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยแม้น้ำเหนือบางส่วนจะถูกผันเข้าทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และพื้นที่แก้มลิงเหนือเขื่อนแล้วก็ตาม แต่มวลน้ำที่ไหลเข้าสู่เขื่อนยังคงมีปริมาณสูงต่อเนื่อง
ปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,574 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนลดลงเล็กน้อย 7 เซนติเมตรภายใน 24 ชั่วโมง อยู่ที่ระดับ 15.46 เมตร (รทก.)
สำหรับการบริหารจัดการน้ำ เขื่อนเจ้าพระยายังคงอัตราการระบายไว้ที่ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อรองรับมวลน้ำจากฝนที่คาดว่าจะตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ 28 สิงหาคม - 2 กันยายน จากอิทธิพลของพายุ คาจิกิ ทั้งนี้มีแผนสำรองเตรียมเพิ่มอัตราการระบายสูงสุดไปถึงระดับ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเปิดพื้นที่ว่างในลำน้ำสำหรับรับน้ำเหนือ
ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ทรงตัวอยู่ที่ 12.38 เมตร (รทก.) ต่อเนื่องมาแล้ว 5 วัน
ขณะเดียวกัน ทางราชการได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ นอกคันกั้นน้ำท้ายเขื่อน คอยเฝ้าระวังและสังเกตระดับน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เช่น
คลองโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
คลองบางบาล อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา
ตำบลลาดชิด และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ริมตลิ่งแม่น้ำน้อย ในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยา
เนื่องจากระดับน้ำมีแนวโน้มจะยกตัวขึ้นอีกประมาณ 5-10 เซนติเมตรในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า
ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรติดตามข้อมูลจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน