วันที่ 19 สิงหาคม 2568 คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) พร้อมสื่อมวลชน เดินทางลงพื้นที่บริเวณ ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี กัมพูชาถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ตามบันทึกความเข้าใจ (MOU43) ซึ่งเป็นข้อตกลงห้ามก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในเขตพื้นที่ทับซ้อนบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา

พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นจุดผ่อนปรนการค้าระหว่างสองประเทศมา นานกว่า 20 ปี โดยให้ประชาชนชาวกัมพูชานำสินค้าขึ้นมาค้าขายกับฝั่งไทยได้อย่างเสรี อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุสู้รบก่อนหน้านี้ ฝ่ายไทยสามารถกระชับพื้นที่และควบคุมเขตแดนได้มากขึ้น

ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นชุมชนของชาวกัมพูชากว่า 80 หลังคาเรือน มีสิ่งปลูกสร้างถาวร รวมถึง อนุสาวรีย์ ตาอม ที่กัมพูชาก่อสร้างขึ้นภายในบริเวณซึ่งอยู่ในขอบเขตที่ไทยถือว่าอยู่ในความควบคุมของตน โดยพื้นที่ถูกล้อมรั้วลวดหนามลักษณะหีบเพลง

เมื่อคณะทูต IOT และสื่อมวลชนเดินทางถึงจุดดังกล่าว ทหารกัมพูชาหลายรายแสดงท่าทีไม่พอใจ มีการโต้เถียงและแสดงความไม่ยินยอมให้คณะฯ เข้าไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ พร้อมกล่าวหาว่า ไทยไม่แจ้งล่วงหน้าว่าจะเดินทางมา และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าใกล้จุดยุทธศาสตร์

หนึ่งในทหารกัมพูชาได้กล่าวว่า

ตอนที่ฝ่ายเรานำคณะทูตฯ มา เราไม่เคยก้าวล้ำเข้าไปในเขตแดนของไทย

สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ พันเอกกัญญณัต ไชยโอชะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จะออกมาเตือนทหารกัมพูชาอย่างหนักแน่นแต่สุภาพ โดยกล่าวว่า

แบบนี้ไม่สุภาพ เป็นทหารต้องสุภาพกว่านี้ เคยคุยกับทหารไทย ทหารไทยสุภาพไหม?

การตรวจสอบครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของไทยในการรักษาเสถียรภาพบริเวณชายแดน และติดตามการดำเนินการของกัมพูชาในพื้นที่ที่อ่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งถูกจับตามองว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงและข้อตกลงระหว่างประเทศในภูมิภาค