พระเอกดัง เปิดใจเผยอาจเสี่ยงป่วย อัลไซเมอร์สูง 10 เท่า หลังเจอปัญหาสุขภาพครั้งใหญ่ในชีวิต (ข่าวต่างประเทศ)

พระเอกดัง เปิดใจเผยอาจเสี่ยงป่วย อัลไซเมอร์สูง 10 เท่า หลังเจอปัญหาสุขภาพครั้งใหญ่ในชีวิต (ข่าวต่างประเทศ)

จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า คริส เฮมส์เวิร์ธ นักแสดงชื่อดังชาวออสเตรเลีย เจ้าของบท ธอร์ เปิดเผยว่า การค้นพบว่าตนเองมีความเสี่ยงทางพันธุกรรมที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์สูงกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า ถือเป็น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้มุมมองและแรงผลักดันในการใช้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

โดยเฮมส์เวิร์ธเข้ารับการตรวจสารพันธุกรรมในรายการ Limitless: Live Better Now ซีซั่นแรก ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็น หนูทดลอง เผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ เพื่อทดสอบขีดจำกัดของร่างกายและจิตใจ ผลการตรวจพบว่าเขามียีน APOE4 สองก๊อปปี้ ซึ่งในทางชีววิทยาหมายความว่าเขามีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมนี้สูงกว่าคนทั่วไป 8 ถึง 10 เท่า

งานวิจัยระบุว่า 1 ใน 50 คนจะมียีน APOE4 สองก๊อปปี้ และผู้ที่มียีนลักษณะนี้เกือบทั้งหมดจะแสดงอาการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์ภายในอายุ 55 ปี อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าการมียีนดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะป่วยแน่นอน และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ไม่สูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมอาหาร สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

เล่าถึงวินาทีที่ได้ทราบผลตรวจว่า มันเหมือนเป็นจุดหนึ่งในชีวิตที่พอคุณอายุเข้าเลขสี่ คุณจะเริ่มคิดว่าตัวตนบางอย่างที่เราเคยสร้างขึ้นมามันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงอีกต่อไป… มันมีเสียงจากข้างในที่ต้องการจะเข้าใจอะไรให้ลึกซึ้งขึ้น อะไรคือเป้าหมายและเหตุผลเบื้องหลังสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่… ผมกำลังทำเพื่ออะไร มากกว่าแค่การสะสมสิ่งต่างๆ

เฮมส์เวิร์ธกล่าวว่า การค้นพบนี้ทำให้เขาหันมาใส่ใจกับการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น และพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางความคิดนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในรายการ Limitless ซีซั่นที่สอง ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการผลิตและเลือกหัวข้อที่เขาสนใจเป็นการส่วนตัวมากขึ้น

หนึ่งในความท้าทายสุดขั้วในซีซั่นใหม่คือการเรียนตีกลอง และขึ้นไปร่วมแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตกับเพื่อนของเขาอย่าง เอ็ด ชีแรน ในเพลง Thinking Out Loud ต่อหน้าผู้ชม 70,000 คน

ความกลัวและความกังวลมันท่วมท้นไปหมด เฮมส์เวิร์ธเล่า มันแปลกที่สถานการณ์ที่กดดันมากๆ จะทำให้เรามีสมาธิจดจ่อเป็นพิเศษ มันเป็นกลไกการเอาตัวรอดของสมอง คุณไม่สามารถใช้แค่กล้ามเนื้อเพื่อผ่านมันไปได้เหมือนความท้าทายอื่นๆ และทั้งวงก็ต้องพึ่งพาคุณในการคุมจังหวะ

แม้จะกดดันอย่างหนัก แต่เขากล่าวว่าวินาทีที่ได้อยู่บนเวทีนั้นเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ที่สุด ความสุขมันไม่เหมือนกับอะไรที่ผมเคยเจอมาก่อน มันเป็นเหมือนประสบการณ์ถอดจิตครั้งแรกของผมเลยก็ว่าได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ