เรียกได้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกกำลังเป็นที่จับตามองอีกครั้ง เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมบังคับใช้ภาษีนำเข้าชุดใหม่ใน วันที่ 7 ส.ค. นี้ อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และอาจจะกระตุ้นแรงเงินเฟ้อทั่วโลกให้รุนแรงขึ้น

โดย มาตรการดังกล่าว จะครอบคลุมสินค้าจาก 69 ประเทศ กำหนดอัตราภาษีแตกต่างกันไป เช่น แคนาดา 35% , ไต้หวัน 20% และบราซิลสูงถึง 50% ขณะที่ประเทศพันธมิตรอย่าง ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ต้องจ่ายภาษี 15% ส่วนเม็กซิโกได้รับการยืดเวลาเจรจาอีก 90 วัน

ทางด้าน ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่า แนวโน้มราคาทองคำระยะยาว จะได้รับแรงหนุนจากภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าในสหรัฐฯ จะพุ่งสูงตามภาษี ส่งผลให้ผู้บริโภค และ ภาคธุรกิจเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น และดันให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันมาถือครองเพิ่ม

นอกจากนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ท่าทีของสหรัฐฯ ต่อจีน หากไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนเส้นตายใน วันที่ 12 ส.ค. ราคาทองคำอาจพุ่งแตะระดับ 3,440-3,500 ดอลลาร์ แต่หากขยายเวลาเจรจาได้ อาจเห็นราคาทองเข้าสู่ช่วงพักฐานชั่วคราวที่ 3,280-3,300 ดอลลาร์

สรุป ฮั่วเซ่งเฮง แนะ นักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เฉพาะกรอบเวลา 7-12 ส.ค. ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และสงครามการค้า ให้ทยอยสะสมทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยง และรักษามูลค่าทุนในระยะยาว

เรียบเรียงโดย news.in.th