ยุติสมณเพศ อดีตพระมหาทิวากรลาสิกขา ส่งเงินบริจาคคืนวัด

ยุติสมณเพศ อดีตพระมหาทิวากรลาสิกขา ส่งเงินบริจาคคืนวัด

เมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. อดีตพระมหาทิวากร ดีไพร ได้เดินทางมายังวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า พร้อมลูกศิษย์วัด 1 คน และพระสงฆ์อีก 1 รูป เพื่อขอเข้าพบพระราชวัชรสาครคณี และแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการลาสิกขาจากเพศสมณะ การลาสิกขาครั้งนี้เป็นการดำเนินการแบบเงียบๆ ไม่เป็นทางการ ไม่มีกล้อง ไม่มีกระแสโซเชียล เพราะเจ้าตัวบอกว่าทำไปเพื่อความสบายใจของคณะสงฆ์ในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อครหาในหมู่สงฆ์

พระราชวัชรสาครคณี ได้สอบถามชัดๆ ว่า ปาราชิกหรือไม่? ซึ่งอดีตพระมหาทิวากรตอบชัดว่า ไม่ปาราชิกและยืนยันว่าไม่มีการล่วงละเมิดพระธรรมวินัยขั้นรุนแรงใดๆ จึงได้มีการประกอบพิธีลาสิกขาให้ตามระเบียบ หลังจากนั้น อดีตพระมหาทิวากรยังได้มอบเอกสารเกี่ยวกับการรับ-จ่ายเงินของวัดตั้งแต่ปี 2564-2567 รวมเกือบ 10 แผ่น รวมถึงภาพเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ต่างๆ ในวัดมากกว่า 20 แผ่น เพื่อให้วัดมีหลักฐานชัดเจน และสามารถส่งต่อข้อมูลให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไปได้ตรวจสอบ

นอกจากนี้ เจ้าตัวยังนำเงินจำนวนกว่า30,000 บาทใส่ซองมามอบให้พระราชวัชรสาครคณี เพื่อส่งคืนไปยังเจ้าคณะตำบลและผู้ที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท โดยชี้แจงว่า เงินนี้เป็นส่วนที่เหลือจากเงินบริจาค 70,000 บาท ที่ได้นำไปใช้จ่ายค่าไฟฟ้าของวัดมากกว่า 30,000 บาทไปแล้ว สำหรับประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมากคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สีกากอล์ฟเจ้าตัวก็ชี้แจงว่า เคยรู้จักเพราะสีกาเคยมาทำบุญที่วัด

ต่อมาโทรมายืมเงินโดยอ้างว่าป่วยหนัก ไม่มีเงินรักษา ตนจึงโอนให้เพราะสงสาร จากนั้นก็มีการยืมเงินเรื่อยๆ ครั้งละไม่มากนักหลักหมื่น ซึ่งบางครั้งก็มีการโอนคืน อย่างไรก็ตาม พระราชวัชรสาครคณีได้ระบุว่า กรณีนี้หลังจากลาสิกขาแล้ว ไม่ถือว่าอยู่ในเขตอำนาจของสงฆ์อีกต่อไป และเรื่องนี้จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีความผิด หรือมีข้อเท็จจริงใดเพิ่มเติมหรือไม่ ก็ต้องรอผลจากการสอบสวนต่อไปเท่านั้น

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ