
แพทย์ยังไม่รอด เตือนหลายคน เท้าเปลี่ยนเป็นสีดำเสี่ยงถูกตัดทิ้ง อย่าลืมเด็ดขาด
จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า แพทย์หญิงจาง อวี้ฉี สูตินรีแพทย์จากไต้หวัน เปิดเผยเหตุการณ์เตือนใจผ่านโซเชียลฯ หญิงเท้าชา-นิ้วดำจนต้องเสี่ยงตัดขา เพราะลืมดื่มน้ำ ผู้หญิงคนนี้เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองที่มาเก๊า แต่ระหว่างทริปกลับละเลยการดื่มน้ำอย่างต่อเนื่อง เมื่อกลับถึงโรงแรมเธอรู้สึก “เท้าชา” และไม่นานนักนิ้วเท้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ มองดูเหมือนมีรอยฟกช้ำบริเวณเล็บทั้งหมด โดยไม่มีความทรงจำว่าถูกกระแทกหรือได้รับอุบัติเหตุใดๆ โชคดีที่ลูกชายของเธอเป็นแพทย์ เมื่อเห็นภาพถ่ายอาการจึงรีบแนะนำให้ดื่มน้ำมากขึ้นทันที พร้อมให้ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด และรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางหลอดเลือดหลังเดินทางกลับไต้หวัน
ซึ่งหลังตรวจพบว่า “ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง” ทำให้เลือดในร่างกายข้นผิดปกติ และเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังปลายมือปลายเท้า จนเกิดเนื้อตาย (เนโครซิส) และเล็บหลุดร่วง แม้จะได้รับการรักษาและสามารถหลีกเลี่ยงการตัดขาได้ทันเวลา แต่แพทย์เตือนว่า หากปล่อยให้อาการดำเนินต่อไปอาจต้องเผชิญกับการผ่าตัดใหญ่ เช่น การตัดขาบางส่วน หรือแม้กระทั่งเสี่ยงต่อชีวิต
แพทย์จางอธิบายว่า เมื่อร่างกายขาดน้ำ ปริมาณน้ำในเลือดจะลดลง ทำให้เลือดข้นและไหลเวียนช้าลง เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งสามารถอุดตันหลอดเลือดในสมอง หัวใจ หรืออวัยวะสำคัญอื่นๆ นำไปสู่ภาวะอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และหัวใจวายเฉียบพลัน โดยเฉพาะในผู้หญิง การดื่มน้ำน้อยยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือท่อปัสสาวะอักเสบ
คำแนะนำจากแพทย์คือ ในช่วงหน้าร้อนหรือขณะเดินทางท่องเที่ยว ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 6–8 แก้วต่อวัน แม้จะกังวลเรื่องการหาห้องน้ำ แต่สุขภาพต้องมาก่อน อย่ารอจนรู้สึกกระหายน้ำ เพราะนั่นคือสัญญาณว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำแล้ว หากมีอาการผิดปกติ เช่น มือเท้าชา ปลายมือปลายเท้าเย็นผิดปกติ ผิวหรือเล็บเปลี่ยนสี ควรรีบพบแพทย์ทันที