อันตรายมาก! สาววัย 15 ปี เสียชีวิตเพราะ สิวเม็ดเดียว หมอเตือนนิสัยที่หลายคนยังทำ

อันตรายมาก! สาววัย 15 ปี เสียชีวิตเพราะ สิวเม็ดเดียว หมอเตือนนิสัยที่หลายคนยังทำ

จากเว็บต่างประเทศ ได้รายงานว่า โรงพยาบาลโรคเขตร้อนส่วนกลางของเวียดนาม รายงานกรณีเด็กหญิงวัย 15 ปีเสียชีวิตจากภาวะ ช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งมีสาเหตุมาจากการ บีบสิวด้วยตัวเอง โดยเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านสิวอักเสบบนใบหน้า แล้วแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สมองและปอดได้รับความเสียหาย แม้จะได้รับการรักษาด้วยการใช้เครื่องช่วยหายใจและฟอกเลือด แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

นอกจากนี้ยังมีเคส หญิงรายหนึ่งอายุ 32 ปี ชื่อ นางสาว D.T.L. จากกรุงฮานอย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการ อักเสบรุนแรงของเนื้อเยื่อผิวหนัง (cellulitis) และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดหากไม่รักษาทันเวลา

เธอเล่าว่า 6 วันก่อนเข้าโรงพยาบาล พบสิวเม็ดหนึ่งขึ้นที่หน้าผาก และใช้มือบีบสิวตามปกติ พร้อมทายารักษาสิวเพิ่มเติม แต่ไม่กี่วันต่อมา บริเวณหน้าผากเริ่มบวม แดง เป็นหนองสีเหลือง และลามไปถึงตาซ้าย พร้อมมีอาการไข้และปวดรุนแรง หลังจากเข้ารับการรักษาที่คลินิกเอกชน 2 วันโดยไม่ดีขึ้น เธอถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลโรคเขตร้อน โดยมีอาการอ่อนแรง หน้าผากบวมแดงและเป็นฝีหนอง แพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็น โรคอักเสบเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรีย

แพทย์ Hoàng Huy Tú อธิบายว่า เชื้อแบคทีเรีย Streptococcus และ Staphylococcus aureus สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลเล็ก ๆ จากการบีบสิวหรือรอยถลอก แล้วแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดหรือแม้แต่เสียชีวิตได้ โชคดีที่ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และกำลังฟื้นตัว

นพ.หญิง เหงียน ถิ ฮวา (Nguyễn Thị Hòa) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ระบุว่า สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในวัยรุ่น เกิดจากหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน ความเครียด สิ่งแวดล้อม การรับประทานอาหาร และการใช้ยาบางชนิด

สิวมักเกิดจาก 4 กลไกหลัก ได้แก่

-การผลิตไขมันส่วนเกิน

-การอุดตันของรูขุมขน

-การติดเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes

-การตอบสนองการอักเสบของร่างกาย

การบีบสิวด้วยมือล้วนไม่ปลอดภัย และเสี่ยงต่อการทำให้ผิวหนังบาดเจ็บ เปิดช่องให้แบคทีเรียเข้าสู่ชั้นลึกของผิวหนัง เกิดการอักเสบลุกลาม และอาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ