
เฉลยแล้ว หลังสาวพบปอดติดเชื้อรา ไอนานเป็นเดือน หมอไม่แปลกใจผลตรวจ
เรื่องเกิดจาก สาว อายุ 30 ปี พบปอดติดเชื่อรา ไอแห้งนานเป็นเดือน มีโพรงอากาศหลายจุด เฉลยแล้ว หมอไม่แปลกใจผลตรวจเลย
เมื่อ หญิงสาวชาวจีน วัย 30 ปี นามสมมุติว่า เซี่ย มีอาการไอแห้งอย่างต่อเนื่อง นานเป็นเดือน จึงไปเข้ารับการตรวจที่แผนกระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลกลาง ในฝานอวี่ เครือมหาวิทยาลัยแพทย์กวางโจว จากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT Scan พบการติดเชื้อในปอดทั้งสองข้าง ร่วมกับมีโพรงอากาศหลายแห่ง เธอจึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษา ในแผนกเวชศาสตร์วิกฤต และระบบทางเดินหายใจ
โดย นพ.หลิว จือเถา แพทย์ประจำแผนก ได้สังเกตเห็นลักษณะภาพในฟิล์ม CT คล้าย ใบหน้าผี Ghost Face Sign ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของโรคปอดติดเชื้อราคริปโตค็อกคัส หมอจึงสงสัยว่าอาจเป็น ปอดอักเสบจากเชื้อราคริปโตค็อกคัสชนิดใหม่ (New type of cryptococcal pneumonia)
ถีงแม้ ผู้ป่วยจะปฏิเสธว่าไม่ได้สัมผัสนกหรือสัตว์เลี้ยงใด ๆ แต่แพทย์ได้ส่งตรวจเลือดหาแอนติเจนเชื้อคริปโตค็อกคัส พร้อมทั้งส่องกล้องหลอดลมแบบไม่เจ็บตัว และเก็บน้ำล้างปอดส่งตรวจหาแอนติเจน และตรวจพันธุกรรมแบบ tNGS (targeted Next-Generation Sequencing) จนผลตรวจในวันถัดมา ยืนยันว่า ทั้งเลือดและน้ำล้างปอดมีแอนติเจนเชื้อคริปโตค็อกคัส และตรวจพบเชื้อชนิดใหม่ด้วยวิธี tNGS จึงวินิจฉัยได้ว่าเป็น โรคปอดอักเสบจากเชื้อคริปโตค็อกคัสชนิดใหม่
เมื่อทราบผลการวินิจฉัย หญิงรายนี้จึงนึกออกว่า เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เพื่อนได้นำ นกพิราบ 2 ตัว มาให้ เธอเลี้ยงไว้ในบ้าน 4 วัน ก่อนจะเชือดทำซุปกิน แพทย์จึงเชื่อว่า สาเหตุของการติดเชื้อน่าจะมาจากการสัมผัส และเชือดนกพิราบ โชคดีที่เธอได้รับการรักษาทัน เธอจึงหายดีและกลับบ้านได้ในเวลาต่อมา
ทางแพทย์อธิบายว่า เชื้อคริปโตค็อกคัสชนิดใหม่ เป็นเชื้อราที่พบได้ทั่วไปใน มูลนกพิราบ ดิน และพืชผุพัง เมื่อแห้งจะกลายเป็นละอองลอยในอากาศ และหากสูดดมเข้าไป อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในร่างกายได้ และกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ได้แก่ ผู้เลี้ยงนกพิราบ คนที่คลุกคลีกับนกหรือดินบ่อย ๆ เช่น คนทำสวน และผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วย HIV ผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
ซึ่ง โรคนี้ในระยะแรกอาจไม่มีอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไอ มีไข้ต่ำ เจ็บหน้าอก จึงมักถูกมองข้าม แต่หากเป็นรุนแรงอาจมีไข้สูง หายใจลำบาก ไอเป็นเลือด และในบางราย (ประมาณ 10%) เชื้ออาจลุกลามไปยังเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 60-80% หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันที
เรียบเรียงโดย news.in.th