เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีอื้อฉาวของ พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ที่ถูกแฉทุจริตเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท โดยระบุว่า การที่พระมหาเถระระดับเจ้าคณะภาคและมีสมณศักดิ์สูงถึงชั้นพรหม กล้ากระทำการทุจริตต่อพระศาสนาและชาวพุทธ เป็นเพราะตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลส ก็ย่อมมีความรัก โลภ โกรธ หลงประจำสันดานอยู่เสมอ ทำให้ไม่ละอายต่อบาป

นายไพศาล ชี้ว่า ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการที่ไม่มีการจัดวางระบบทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา ทรัพย์สินของวัด และทรัพย์สินของพระสงฆ์ที่เป็นส่วนบุคคลให้ชัดเจน ทำให้เกิดความมั่ว และทรัพย์สินของวัดที่มาจากศรัทธาของชาวบ้านตกอยู่ในอำนาจจัดการของคนเพียงคนเดียวหรือไม่กี่คน ซึ่งกลายเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกลวงและหาประโยชน์ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องสะเทือนขวัญชาวพุทธในลักษณะนี้ถึง 2 เรื่องแล้ว คือ กรณีพระราชาคณะชั้นสูงอมเงินวัดเกือบ 500 ล้านบาท และกรณีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงรายนี้

นักกฎหมายชื่อดังจึงเสนอว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องจัดระบบเรื่องทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา ทรัพย์สินของวัด และทรัพย์สินของพระสงฆ์ที่เป็นส่วนตัวให้ชัดเจน มีระบบการจัดการที่รัดกุม มีระบบบัญชีที่ถูกต้อง และระบบการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนรวมที่ชัดเจน เนื่องจากปัจจุบันมีวัดทั่วประเทศเกือบ 3 แสนวัด แต่มีเพียงไม่กี่วัดที่ทำบัญชีและงบดุลถูกต้อง และแยกทรัพย์สินต่างๆ ได้อย่างชัดเจน หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้อง ก็จะเกิดเรื่องเศร้าหมองเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด

นอกจากนี้ นายไพศาล ยังกล่าวถึงกรณีที่มีแก๊งมิจฉาชีพแบล็กเมล์ข่มขู่พระสงฆ์ โดยหลอกลวงให้ติดต่อทางไลน์และส่งภาพไม่เหมาะสม จากนั้นก็แบล็กเมล์ให้พระจ่ายเงิน หรือกระทำการที่เสียหายต่อพระพุทธศาสนา จึงขอให้พระคุณเจ้าที่ถูกแบล็กเมล์ อย่าจ่ายเงินให้มิจฉาชีพ และรีบแจ้งความตำรวจ พร้อมทั้งระมัดระวังการติดต่อกับสีกาทางโซเชียลมีเดีย เพราะส่วนใหญ่เป็นมิจฉาชีพ และจับตาเรื่องนี้ให้ดี เพราะอาจนำไปสู่การล้างบางกลุ่มมิจฉาชีพที่หากินกับพระสงฆ์ครั้งใหญ่อีกด้วย