จากเว็บต่างประเทศ ได้รายงานว่า แพทย์อายุรกรรมชาวญี่ปุ่น ดร. คุริฮาระ ทาเคชิ อธิบายว่า หากไขมันในตับมีมากกว่า 5% ของน้ำหนักตับ แสดงว่าคุณกำลังเป็นโรคไขมันพอกตับ ซึ่งเดิมทีเคยถือว่าเป็นโรคของผู้ติดสุรา แต่ปัจจุบันแม้คนที่กินอาหารสุขภาพ แต่ขาดความสมดุล ก็มีโอกาสเป็นได้ โดยหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคนี้ในยุคปัจจุบันคือ น้ำตาล ซึ่งพบได้บ่อยยิ่งกว่าแอลกอฮอล์

ไขมันพอกตับอาจนำไปสู่โรคตับอักเสบ ตับแข็ง ตับวาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ ดังนั้น ดร. คุริฮาระ จึงเตือนว่าอย่าหลงเชื่อภาพลักษณ์ของ อาหารสุขภาพ แต่ต้องควบคุมการบริโภคให้เหมาะสม โดยเฉพาะเครื่องดื่ม 5 ชนิดต่อไปนี้ที่แม้จะดูดี แต่หากดื่มมากไปกลับเหมือน สูบไขมันเข้าตับ

1. น้ำผลไม้ แม้จะดูมีวิตามินสูงและดีต่อสุขภาพ แต่น้ำตาลจากธรรมชาติในผลไม้ โดยเฉพาะฟรุกโตส มีปริมาณสูงมาก เมื่อคั้นน้ำจะสูญเสียใยอาหาร เหลือเพียงน้ำและน้ำตาล ทำให้ร่างกายดูดซึมได้เร็ว ตับจึงต้องทำงานหนักมากขึ้น หากดื่มบ่อยอาจเสี่ยงต่อไขมันพอกตับ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มาจากผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง

2. กาแฟกระป๋อง กาแฟดำไม่มีน้ำตาลนั้นดีต่อตับ แต่กาแฟกระป๋องหรือกาแฟพร้อมดื่มมักมีน้ำตาล นมข้น และไซรัปฟรุกโตสสูง คาเฟอีนยังไปกระตุ้นการเผาผลาญเร็ว ทำให้ร่างกายแปรรูปคาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันเร็วขึ้น หากดื่มทุกวันโดยไม่รู้ตัว ตับอาจเริ่มสะสมไขมันได้

3. น้ำผึ้งผสมน้ำ แม้น้ำผึ้งจะมีประโยชน์ แต่หากดื่มมากเกินไปก็อาจเป็นภัยได้ โดยเฉพาะกับตับ เพราะส่วนใหญ่ของน้ำผึ้งคือน้ำตาลอย่างฟรุกโตสและกลูโคส แม้ดื่มตอนเช้าหรือก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายและลดการอักเสบในลำคอ แต่ถ้าดื่มทุกวันหรือผสมเข้มเกินไป ตับจะทำงานหนักเพื่อจัดการน้ำตาล หากดื่มตอนท้องว่างอาจทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งและเสี่ยงต่อไขมันพอกตับมากขึ้น

4. น้ำผักผลไม้บรรจุขวด เป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ แต่หลายยี่ห้อกลับใส่น้ำตาลเพิ่ม หรือใช้สารสกัดเข้มข้นที่มีน้ำตาลสูง อีกทั้งยังขาดใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ตับต้องทำงานหนักมากในการจัดการกับฟรุกโตสที่เข้าสู่ร่างกาย

5. เครื่องดื่มเกลือแร่และเครื่องดื่มชูกำลัง แม้จะออกแบบมาเพื่อเติมน้ำและแร่ธาตุให้ร่างกาย แต่เครื่องดื่มหลายยี่ห้อกลับมีไซรัปฟรุกโตสสูง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของโรคอ้วนและไขมันพอกตับ ยิ่งเครื่องดื่มชูกำลังที่มีทั้งน้ำตาลและคาเฟอีน จะยิ่งเร่งการแปรรูปคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นไขมัน ทำให้ตับรับภาระหนัก หากไม่ออกกำลังกายควบคู่ ร่างกายจะสะสมไขมันในตับแทนที่จะเปลี่ยนเป็นพลังงาน