จากสำนักข่าวรอยเตอร์ ฟ็อกซ์นิวส์และบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่าเขายังคงเชื่อว่าสามารถกอบกู้ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้ หลังทั้งสองมีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดที่ทำเนียบขาวสหรัฐในวันเดียวกัน จนทำให้มีการล้มการลงนามข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครนและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่แตะจุดต่ำสุด

เมื่อถามว่าคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและทรัมป์จะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ เซเลนสกีตอบว่าได้แน่นอน เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่ประธานาธิบดี 2 คน แต่เป็นความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่เข้มแข็งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

เซเลนสกีกล่าวอีกว่าเขาเริ่มไม่พอใจรัฐบาลสหรัฐของทรัมป์ จากความเห็นต่างๆ ในแง่ลบเกี่ยวกับยูเครนตลอด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี “เมื่อคุณได้ยินประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี วุฒิสมาชิกหรือนักการเมืองคนใหญ่คนโตของสหรัฐพูดว่ายูเครนถูกทำลายเกือบหมดแล้ว ทหารของยูเครนก็หนีสงคราม ว่าทหารของยูเครนไม่ใช่ฮีโร่ มีพลเรือนยูเครนเสียชีวิตนับหลายล้านคน และประธานาธิบดียูเครนก็เป็นเผด็จการ ความรู้สึกที่ได้คือ มิตรภาพระหว่างยูเครนและสหรัฐหายไปไหนแล้ว”

เมื่อถูกถามว่าเซเลนสกีคิดว่าเขาควรขอโทษหรือไม่จากการโต้เถียงที่ดุเดือดในห้องทำงานรูปไข่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หลังจากที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของสหรัฐกล่าวหาเซเลนสกีว่า ไร้ความเคารพ นั้น เซเลนสกีตอบว่า ไม่ เขาเคารพประธานาธิบดีและชาวสหรัฐ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไรผิด

ภายหลังจากนั้น เซเลนสกีได้ระบุในแถลงการณ์เกี่ยวกับการพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐว่า ถึงแม้จะมีการพูดคุยที่ยากลำบาก แต่สหรัฐและยูเครนยังคงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เต่เราต้องมีความซื่อตรงและตรงไปตรงมาระหว่างกันเพื่อให้เข้าใจเป้าหมายร่วมกันของเราอย่างแท้จริง เซเลนสกีบอกอีกว่า การสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อยูเครน ทรัมป์อยากที่จะยุติสงครามแต่ไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่ายูเครน เราคือคนที่ต้องอยู่กับสงครามนี้ในยูเครน มันคือการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของเรา เพื่อความอยู่รอดของเรา