ประวัติ สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติเสียงทรงพลัง ระลึงถึงหลังจากไปตลอดกาล

ประวัติ สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติเสียงทรงพลัง ระลึงถึงหลังจากไปตลอดกาล

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ วันนี้ (10 ธ.ค.2567) ได้มีข่าวเศร้า ร.ต.สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล-ขับร้อง) ประจำปี 2558 ถึงแก่กรรมในวัย 88 ปี เวลาประมาณ 01.01 น. ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กรุงเทพมหานคร

เรือตรี สันติ ลุนเผ่ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร มีชื่อเดิมว่า “ไพศาล ลุนเผ่” เป็นนักร้องชาวไทยที่มีชื่อเสียงในฐานะนักร้องประจำคณะดุริยางค์แห่งกองทัพไทย และมีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นด้านเพลงปลุกใจ

สำหรับที่มาของชื่อ สันติ นั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่ถวายงาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในงานขับร้องบันทึกแผ่นเสียงเพลงพระราชนิพนธ์เพลงรักชาติ ได้ทรงรับสั่งเรียกชื่อว่า “สันติ” จากนั้น ไพศาล ลุนเผ่ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “สันติ ลุนเผ่” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สันติ ลุนเผ่ สําเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนอัสสัมชัญ ใน พ.ศ. 2496 และเริ่มเรียนร้องเพลงกับแผ่นเสียงของ Enrico Caruso พร้อมเริ่มฝึกหัดเครื่องดนตรีชิ้นแรก คือ ไวโอลิน กีตาร์ และ เปียโน ตามลำดับ ส่วนดนตรีไทยนั้นเริ่มฝึกหัดการเล่นระนาด

ต่อมา พ.ศ. 2503 สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ได้ร่วมร้องเพลงกับวงสโมสรธรรมศาสตร์ โดยมีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงดนตรีอยู่ด้วย

พร้อมกับศึกษาวิธีการร้องเพลงคลาสสิก กับ Mrs. Mary Clifford Cheffe และได้รับการคัดเลือกให้เป็น Tenor Soloist ในวงประสานเสียง Bangkok Combined Choire อยู่หลายครั้ง อีกทั้งได้มีโอกาสร่วมทำงานเพลงพื้นเมืองกับ อาจารย์ หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา แสดงให้ชาวต่างประเทศเพื่อหาเงินเข้ามูลนิธิช่วยการศึกษาและเครื่องเล่นสำหรับเด็ก

จากนั้น พ.ศ. 2506 สอบชิงทุน ยูธ ลีดเดอร์ชิป ไปศึกษาด้านการเรียบเรียงเสียงประสานที่ประเทศอิสราเอล และใน พ.ศ. 2508 ได้สำเร็จการศึกษาด้านดนตรีจากหลักสูตร Trinity College of London สันติ ลุนเผ่ เข้าร่วมร้องเพลงกับวงดนตรีวายุบุตร ใน พ.ศ. 2506 โดยบรรเลงดนตรีและร้องเพลงที่โรงแรมเอราวัณเป็นครั้งแรก และเล่นประจำอยู่ประมาณ 6-7 ปี ในตำแหน่งกีตาร์ พร้อมทั้งได้ร่วมบรรเลงดนตรีกับวงดนตรีของชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งจัดแสดงในค่ายของทหารอเมริกัน และบรรเลงดนตรีตามโรงแรมใหญ่หลายแห่ง

ทั้งนี้ ใน พ.ศ. 2527 สันติ ลุนเผ่ ได้เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งนักร้อง ของกองดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ (ดย.ทร.ฐท.กท.) และได้รับการแต่งตั้งยศเป็นพันจ่าเอก ใน พ.ศ. 2531 ก่อนจะลาออกจากราชการในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2532

ผู้ขับร้องบทเพลง ความฝันอันสูงสุด

สันติ ลุนเผ่ มีชื่อเสียงจากการขับร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ เพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงรักชาติ เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงหนักแผ่นดิน, ความฝันอันสูงสุด, เราสู้, สยามานุสสติ, ทหารพระนเรศวร, ดุจบิดามารดร, แด่ทหารหาญในสมรภูมิ และ มาร์ชทหารไทย เป็นต้น ใน พ.ศ. 2513-2514 สันติ ลุนเผ่ ได้เข้าไปถวายงานเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อร้องเพลงรักชาติหลายเพลงตามพระราชประสงค์

โดยได้เป็นผู้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” สืบเนื่องมาจาก พระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชประสงค์จะพระราชทานกำลังใจแก่บรรดาข้าราชการทหาร ตำรวจและพลเรือน มิให้ท้อถอยในการปฏิบัติหน้าที่ต่อชาติบ้านเมือง จึงทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ท่านผู้หญิง มณีรัตน์ บุนนาค เขียนคำกลอนเตือนใจ แล้วพิมพ์แจกเหล่าข้าราชการทหาร ตำรวจ และพลเรือน ต่อมาทรงกราบบังคมทูลขอให้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานทำนองเพลง ความฝันอันสูงสุดจึงเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่มีการเขียนคำร้องก่อนแล้วใส่ทำนองภายหลัง

เชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ

ความยอดเยี่ยมในการขับร้องเพลงปลุกใจรักชาติของ สันติ ลุนเผ่ เป็นที่ประจักษ์ทั้งในวงการดนตรีและประชาชนทั่วประเทศ ทั้งยังเป็นผู้อุทิศตนประกอบคุณงามความดีช่วยเหลือกิจกรรมของกองทัพมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้รับพระราชทานยศทหารเป็นกรณีพิเศษ จากเดิมที่เดิมดํารงยศพันจ่าเอกและเป็นทหารพ้นราชการให้ได้รับยศเรือตรี

คุณค่าของการถ่ายทอดศิลปะการขับร้องเพลงที่ดําเนินมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นศิลปินที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ควรต่อการเป็นแบบอย่างของประชาชนชาวไทย สันติ ลุนเผ่ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล) พ.ศ. 2558

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ