บัวผัน ทังโส ปาดน้ำตาเล่าชีวิตดูแลพ่อแม่ป่วยหนัก เตรียมดันลูกชายสานต่อ

บัวผัน ทังโส ปาดน้ำตาเล่าชีวิตดูแลพ่อแม่ป่วยหนัก เตรียมดันลูกชายสานต่อ

เรียกได้ว่า เป็นนักร้องหมอลำสาว อย่าง บัวผัน ทังโส ที่ก่อนหน้านั้นเคยเป็นประเด็นดราม่า เต้นยับบนเวทีหมอลำพร้อมทำท่าลีลาเจิมของกลางเวที กับ อ.แมน ทำเอาชาวเน็ตต่างนั้นไม่เห็นด้วย และ โดนเจ้าภาพยกเลิกคิวจนวุ่นวาย

ล่าสุด เจ้าได้ไปออกรายการ โต๊ะหนูแหม่ม พร้อมเล่าถึงเรื่องราว ชีวิตหลังบ้าน บัวผัน ต้องปาดน้ำตา กัดฟันสู้กับมรสุมชีวิตดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ป่วยหนัก โดยได้เล่าว่า

พิธีกร : ทราบมาว่าตอนนี้ต้องดูแลพ่อแม่ที่ป่วยหนักอยู่ ?

บัวผัน : คุณพ่อเองเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ อาการยังพูดไม่ได้ค่ะตอนนี้ ผ่านมาอาทิตย์นึงก็มาทราบว่าคุณแม่เป็นมะเร็งที่ตับค่ะ อันนี้ก็เป็นเหตุทำให้เราต้องเคลียร์งาน กลับไปบ้านไปดูแลพ่อกับแม่ อย่างที่ไปดูแลท่านเวลาไป ก็ต้องไปอาทิตย์นึง ขอเจ้านายไป ไปอยู่คุณแม่เฝ้าคุณแม่ให้ท่านให้คีโม พอให้เสร็จ เราก็กลับ

พิธีกร : ตอนนี้อาการของท่านทั้งคู่เป็นยังไงบ้าง ?

บัวผัน : ก็ดีขึ้น เขาก็หยอกล้อกันได้แล้ว ส่วนเราก็วิดีโอคอลหาตลอดเวลา คือพ่อพูดไม่ได้ก็ยิ้มทักกันก็โอเค เราก็มีแรงทำงาน ส่วนเราเองก็พยายามเข้มแข็ง คือทุกสิ่งทุกอย่างเราจะร้องไห้ออกมาให้หมดเวลาอยู่คนเดียว ส่วนออกมาข้างนอกเราจะไม่มีใครเห็นน้ำตาเรา ไม่ให้พ่อแม่ได้เห็นถึงความเสียใจ น้ำตาของลูกคนนี้

พิธีกร : ทำไมต้องกลั้นน้ำตาไว้ขนาดนี้ ?

บัวผัน : คิดว่าตัวเราเองเป็นเสาหลัก ถ้าเราทำแบบนั้นเห็นน้ำตาออกมาพ่อแม่ก็เป็นห่วงเราอีก เพราะว่าเราเป็นเสาหลัก เราต้องหาเลี้ยงครอบครัว ลูกหลานก็อยู่กับหนู ทุกคนตอนนี้ต้องพึ่งหนู

พิธีกร : เวลาที่เศร้ามากๆดาวน์มากๆ ใช้วิธีไหนฮีลใจตัวเอง ?

บัวผัน : ปิดห้องนอน ร้องไห้คนเดียวให้มันจบ ร้องไห้ในห้องให้มันจบ พอขึ้นเวทีแล้วไม่มีน้ำตา ลงจากเวทีเข้าห้องนอนร้องไห้แล้วเอาให้มันจบตรงนั้น ปัญหาที่มีเข้ามาทุกเรื่องหนูจะร้องไห้อยู่ 2-3 วัน สถานที่อื่นจะไม่มีใครเห็นน้ำตาหนูส่วนมากจะอยู่แต่ในห้องนอน

พิธีกร : ที่ว่าเป็นเสาหลักในบ้านดูแลทั้งหมดกี่คน ?

บัวผัน : ตระกูลหนูมีพี่ชาย มีครอบครัวน้องสาว รวมแล้วก็ประมาณ 10 กว่า หลานๆ ก็ยังเล็กอยู่ รวมแล้วก็มีหลายอายุ แต่ก่อนก็เป็นวงใหญ่ ทุกคนก็มาอยู่ที่นี่ ร้องเพลงกับหนู พี่ชายก็เป็นคนร้องเพลง ส่วนน้องสาวเป็นคนเก็บชุด และน้องสาวอีกคนนึงเป็นแดนซ์เซอร์ แต่ตอนนี้มีครอบครัวไปแล้ว ก็ซื้อบ้านซื้อที่ดินให้น้องสร้างบ้านอยู่กัน ใกล้คุณพ่อคุณแม่ให้ดูแลพ่อแม่ หนูจะให้เขาดูแลพ่อแม่แทนหนู หนูยอมที่จะเหนื่อย ซื้อบ้านให้ มีที่นามีสวนให้ทำ ให้ทุกคนดูแลส่วนของตัวเองไม่มีเงินเดือนให้

พิธีกร : แล้วในส่วนของครอบครัวของตัวเองล่ะ ?

บัวผัน : หนูมีครอบครัวค่ะ แต่เลิกแยกทางกันไปแล้ว 10 กว่าปีได้ มีลูกชายหนึ่งคน โตแล้วค่ะ หนูเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกชายชื่อน้องบิ๊กซี เขาก็ชอบทุกอย่างเหมือนเราเป็นได้ทุกอย่าง เป็นนักฟุตบอลก็ได้ ร้องเพลงก็ได้ ตอนนี้อายุ 21 ปีแล้วค่ะ ล่าสุดเจอกันเขาก็มาร้องเพลงให้เราฟัง

พิธีกร : คิดว่าวันหนึ่งเขาจะมาสานต่อจากสิ่งที่คุณแม่ทำไหม ?

บัวผัน : หนูไม่ได้หวัง แต่เขาเคยพูดไว้ว่า ณ วันนึงเขาจะมาช่วยบริหารวงแทนแม่ ร้องเพลง เป็นผู้จัดการวง เราก็เลยบอกว่าถ้าเราแก่แล้ว เราก็จะทำวงให้แต่ว่าอาจจะไม่ใหญ่เหมือนวงแม่ เขามีเป้าหมายของเขา เขาเป็นคนพูดเอง เราก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าเราต้องหาทุน ไว้เป็นเงินตั้งต้นให้ลูก เพราะว่าอย่างน้อยการลงทุนมันก็ใช้เงินหลายล้าน วงหมอลำซิ่งอย่างน้อยก็ใช้ถึงหลักสิบล้านอยู่ค่ะ

หนูเชื่อมั่นในตัวลูกค่ะ เพราะว่าทุกวันนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขามีหลักมีเกณฑ์ของเขา มั่นใจในตัวลูกชายคนนี้ แม้ว่าการแยกทางครอบครัวของเราก็ไม่หวั่นในการใช้ชีวิตของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างเขาเป็นผู้ใหญ่มาก เรื่องพ่อแม่แยกทางกันเขาไม่เคยเอาตรงนี้มาเป็นปัญหา ไม่เคยมีเรื่องเหล้า เรื่องยา ลูกชายของหนูเป็นคนดีมากๆ หนูยอมรับตรงนี้ ชื่นใจมากค่ะ

ภาพจาก หมอลำบัวผัน ทังโส

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ